ผลตอบแทนสินทรัพย์ทั่วโลกลงทุนอะไรโดดเด่นที่สุด
ภาพรวมเศรษฐกิจที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีมีหลายอย่างผันผวน มีทั้งขาขึ้นและขาลง วันนี้มาดูสินทรัพย์ทั่วโลกตัวไหนน่าลงทุนอะไรโดดเด่นที่สุด
สินทรัพย์ทั่วโลกตัวไหนน่าลงทุนอะไรโดดเด่นที่สุด ?
1. ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เติบโตเพิ่มขึ้น 20.6% ตั้งแต่ต้นปี
ดัชนีนิเคอิ (Nikkei Index) คือดัชนีตลาดหุ้นของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวราคาหุ้นของบริษัทชั้นนำจำนวน 225 บริษัท โดยดัชนีนิเคอิ 225 จะถูกคำนวณจากราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้น 225 ตัวดังกล่าว ทุก ๆ 5 วินาทีระหว่างช่วงเวลาซื้อขาย เกณฑ์การเลือกหุ้นเข้าดัชนีนิเคอิมี 2 ปัจจัยหลัก คือ “สภาพคล่อง” และ “ความสมดุลของอุตสาหกรรม” (จากอุตสาหกรรมทั้งหมด 36 กลุ่ม) ในดัชนี
2. ราคาน้ำมันดิบ เติบโตเพิ่มขึ้น 16.1% ตั้งแต่ต้นปี
เป็นสิ่งที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนในตลาดน้ำมัน เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ลงทุนระยะสั้นและระยะยาวปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันอุปสงค์และอุปทาน พฤติกรรมการผลิตส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศ OPEC
ความต้องการใช้น้ำมันปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันรวมถึงสงครามในท้องถิ่นและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
3. ตลาดหุ้นเวียดนาม เติบโตเพิ่มขึ้น 13.6% ตั้งแต่ต้นปี
เวียดนามมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การส่งออกที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามน่าสนใจ
- การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
- การเปิดการค้าเสรี
- การสนับสนุนจากรัฐบาล
- ศักยภาพในการเติบโตของภาคธุรกิจ
5. ตลาดหุ้นไต้หวัน เติบโตเพิ่มขึ้น 13.2% ตั้งแต่ต้นปี
เทรนด์การเติบโตของเซมิคอนดักเตอร์ (chips) และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ผลักดันให้ตลาดหุ้นไต้หวันสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้กับนักลงทุน ไต้หวันมีหุ้นที่น่าสนใจและเป็นเทรนด์ระยะยาวของตลาดอยู่หลายตัว เช่น หุ้นเทคโนโลยี หุ้นเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อการพัฒนายุคใหม่ ตลอดจนหุ้นที่เกี่ยวกับการเดินเรือ ซึ่งปัจจุบันการค้าของโลกอาศัยการเดินเรือกว่า 80% อย่างไรก็ดี สิ่งที่เราให้ความสนใจมาก คือตลาด chips และตลาด EV
ตลาดหุ้นเยอรมัน เติบโตเพิ่มขึ้น 10.4% ตั้งแต่ต้นปี เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะประเทศเยอรมนี เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของยุโรป และอันดับ 4 ของโลก ถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจโลก ประสิทธิภาพของดัชนีมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการตัดสินใจในตลาดต่างประเทศ ตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของตลาดหุ้นเยอรมัน
- ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ: สะท้อนถึงความสมบูรณ์ของเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็น ตัวบ่งชี้หลัก สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป
- อิทธิพลระดับโลก: ความเคลื่อนไหวในเยอรมนีอาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลก เนื่องจากลักษณะข้ามชาติของบริษัทที่ประกอบขึ้นหลายแห่ง
- ธุรกิจที่โดดเด่นในตลาดหุ้นเยอรมัน ยานยนต์ เภสัชกรรม เทคโนโลยี และสินค้าอุปโภคบริโภค
6. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เติบโตเพิ่มขึ้น 10.2% ตั้งแต่ต้นปี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือคิดเป็นขนาดตลาดราว 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือครึ่งหนึ่งของขนาดตลาดหุ้นทั้งโลกรวมกัน ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ และเป็นที่นิยม ได้แก่ ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq คือการนำราคาหุ้นมาคำนวณเป็นดัชนีและการนำเอามูลค่าตลาดของหุ้นมาคำนวณเป็นดัชนี โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนคือ
- กลุ่ม Technology ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้คิดค้นหรือเป็นเจ้าของ Software หรือ Platform ระดับโลก ต่างจากหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย ที่ถ้าเราพูดถึงกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่นำ Software ระดับโลกมาติดตั้ง ไม่ใช่ผู้คิดค้น Software นั้น ๆ
- กลุ่ม Pharma / Biotech ประกอบไปด้วยผู้ผลิตยาชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีการพัฒนา R&D (Research and Development) คิดค้นยาใหม่ ๆ ด้วยตนเอง และถือสิทธิบัตรยานั้น ๆ ต่างจากกลุ่ม Healthcare ของไทย ซึ่งทำธุรกิจโรงพยาบาล ถ้าให้อธิบายง่าย ๆ คือจุดขายของตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือมีหุ้นที่เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ จดทะเบียนอยู่หลากหลายตัว เป็นบริษัทที่คิดค้นสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่โลกนี้ไม่เคยมีมาก่อน
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35