Exclusive ! สวัสดิภาพช้างกับการจัดการภัยพิบัติ
ข่าวภาคค่ำ - 13 มีนาคม เป็นวันช้างไทย มีข้อเสนอให้ผู้ประกอบการปางช้าง จัดทำแผนภัยพิบัติป้องกันเหตุร้ายเเรง และสร้างสวัสดิภาพช้างอย่างยั่งยืน เพื่อไม่ให้ช้ำรอยภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2567
ปัญหาการใช้ช้างทำงานในธุรกิจท่องเที่ยว เป็นการอนุรักษ์ หรือ ทรมาน นับเป็นข้อถกเถียงที่ไม่มีวันจบของคนคิดต่างสองขั้ว ถึงขั้นเคยมีผู้เปรียบเปรยว่า ไม่ต่างอะไรกับ "คนเลี้ยงช้าง" หรือ "ช้างเลี้ยงคน" กันแน่
มุมมองหนึ่ง เห็นว่า การใช้ตะขอกับโซ่ เป็นเครื่องมือที่จำเป็น ใช้สื่อสาร และควบคุม ระหว่างควาญกับช้าง โดยเฉพาะยามเกิดนาทีฉุกเฉิน อย่างเช่น "ช้างตกมัน" หรือ หงุดหงิดไล่ทำร้ายคนในปาง
มีมุมมองของ ปางช้างเอเลเฟ่น จังเกิล แซงชัวรี แกรนด์ เเคนยอล เชียงใหม่ เห็นว่า ธุรกิจปางช้างรูปเเบบใหม่ ต้องเลี้ยงช้างไม่ใช้โซ่ ตะขอ หรือ เเหย่ง แต่เลี้ยงช้างให้อยู่ในสภาพใกล้ชิดกับธรรมชาติ และสภาพความเป็นอยู่ของช้างให้มากที่สุด ยกเว้นกรณีเจ็บป่วย เพื่อให้สัตวเเพทย์รักษา
แม้ไม่มีข้อสรุปตายตัว ว่าการเลี้ยงช้างรูปเเบบใดดีที่สุดในธุรกิจท่องเที่ยว แต่การบริหารจัดการปางช้างที่ดี ต้องจัดสวัสดิภาพช้างให้ดีด้วย ไม่ใช่เเค่อาหาร หรือ สภาพเเวดล้อมเท่านั้น ปางช้าง ต้องมีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับกิจกรรม และจำนวนช้าง การวางผังปางช้าง ต้องเอื้อต่อการปฎิบัติงานที่ถูกสุขลักษณะ มีสถานที่พักช้าง เพื่อลดความเครียด มีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 16 ตารางเมตรต่อเชือก โดยใช้เชือดมัด หรือ โซ่ล่าม ความยาวไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร
ที่สำคัญต้องมี เเผนรับมือภัยพิบัติที่สมบูรณ์เเบบ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ เมื่อปลายปี 2567 ในอำเภอเเม่เเตง จังหวัดเชียงใหม่ จนมีช้างล้ม เเละบาดเจ็บหลายเชือก
นักวิชาการด้านช้าง เสนอว่า เเผนรับมือภัยพิบัติของช้าง ต้องครอบคลุมรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เเผนสัตว์หลุด เเผนโรคระบาด เเผนอุทกภัย ไฟป่า เเละฝุ่น PM2.5 โดยควรเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร ควบคู่กับการทำเเผนที่พื้นที่อพยพ ที่สำคัญ ต้องหมั่นฝึกซ้อมรับมือเสมอ เเละพัฒนาช้างกู้ภัย เพื่อช่วยเหลือ โดยเฉพาะการส่งเสบียง หรือ อุปกรณ์ในพื้นที่เข้าถึงได้ยาก
หากปางช้างทุกเเห่ง ไม่เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ จัดทำเเผนรับมือภัยพิบัติ เเละจริงจังกับการจัดสวัสดิภาพในปางช้าง เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ และช้าง ซึ่งเป็นสัญลักษญ์ของประเทศไทย