นายกฯ ดันบั้งไฟพญานาค เป็นซอฟต์พาวเวอร์

เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเปิดงานออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ที่รัฐบาลจะชูให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ด้านศิลปวัฒนธรรม ที่จังหวัดหนองคาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านซอฟต์พาวเวอร์

เมื่อเย็นวานนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงลานนาคาเบิกฟ้า อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยสวมผ้าถุงสีเงิน ลวดลายจากบ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ คาดผ้าสไบมัดหมี่ทอมือ สีส้มอิฐหรือสีน้ำตาลอิฐ สีอัตลักษณ์ของหนองคาย เป็นสีตะกอนของแม่น้ำโขง ลายนาคใหญ่ (พญานาค 7 เศียร) พร้อมทักทายนางรำเด็ก สวมชุดนางรำน่ารัก อยากซื้อไปให้ลูกใส่ จากนั้นเป็นประธานพิธีบวงสรวงบูชาพญาพิสัยสัตนาคราช ในงานประเพณีออกพรรษา และบั้งไฟพญานาคโลก ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นซอฟพาวเวอร์ด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย และช่วงหนึ่งบนเวที นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่า ชื่นชมเทศกาลที่ยิ่งใหญ่สวยงาม เป็นงานที่มีความเชื่อของคนอีสาน มีเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ และสามารถที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไป เพื่อที่ทำให้คนทั่วโลกได้เห็น ซึ่งมีเสน่ห์ส่งผลให้เศรษฐกิจของพื้นที่หมุนเวียน

โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ 2 ฉบับ โดยฉบับแรก คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดย นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่กำกับและกำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศในด้านต่าง ๆ และคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นประธานคณะกรรมการ

สำหรับจังหวัดหนองคาย มีกำหนดจัดงานวันที่ 14-25 ตุลาคม ในพื้นที่ 6 อำเภอริมแม่น้ำโขง คือ ที่ตัวเมืองหนองคาย อำเภอท่อบ่อ อำเภอโพนพิสัย อำเภอเมืองศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม และอำเภอรัตนวาปี คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติไปร่วมชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเป็นจำนวนมาก จะช่วยสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง โดยภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม อารยธรรมลุ่มน้ำโขงอำเภอโพนพิสัย การจัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน เที่ยวชมถนนอาหาร-ลานดนตรี อาหารให้ชิมทุกภาคของไทย หลากหลายเมนู สวนสนุกจากแดนเนรมิต

ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ผิดหวัง ได้ชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค อัศจรรย์กลางแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก โดยบั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้นที่บริเวณบ้านตาลชุม ตำบลและอำเภอรัตนาวาปี ช่วงเวลา 18.34 น. โดยขึ้นเกือบพร้อมกัน 2 ลูก จากนั้นก็ขึ้นเป็นระยะ ทำให้ชาวบ้านที่ไปดูต่างโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี