ป่วนทั้งเมือง ขู่กราดยิงในห้างสรรพสินค้า

เช้านี้ที่หมอชิต - แตกตื่นทั้งเมืองที่จังหวัดนครราชสีมา มีคนโพสต์ป่วนขู่ก่อเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้า 3 แห่ง แต่ใช้ภาพเยาวชนอายุ 13 ปี ตำรวจจัดกำลังคุมเข้มหวั่นซ้ำรอยในอดีต สุดท้ายรวบตัวคนโพสต์ได้แล้วเป็นหญิงป่วยทางจิตมีประวัติเคยถูกจับคดีลักทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความป่วนในเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง สร้างความแตกตื่นและหวาดผวาไปทั้งเมือง โดยเฉพาะคนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังทั้ง 3 แห่งในจังหวัดนครราชสีมา โดยปรากฏภาพใบหน้าของเยาวชนชายคนหนึ่งอายุ 13 ปี ระบุข้อความที่โพสต์ทั้งหมด 4 ครั้ง มีใจความสรุปได้ว่า ตนเองอยู่ในห้างแล้ว กำลังเตรียมก่อเหตุ แต่ไม่รู้จะยิงตอนไหน รอหาเป้าหมายเป็นหัวใครสักคน ไม่รู้ใครจะเป็นผู้โชคดีให้ยิงเล่น และต่อมาก็มีการโพสต์ภาพปืนบรรจุอยู่ในกล่อง ข้าง ๆ กล่องปืนนั้นมีกล่องกระสุนและหูฟังวางข้าง ๆ ซึ่งในข้อความระบุว่า "ผมออกมาเอาปืนบ้านเพื่อน รอหน่อยนะว่าผมทำจริงหรือว่าปั่น"

หลังจากข้อความทั้งหมดถูกโพสต์ออกไปนั้น ทางตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้เข้าดูแลความปลอดภัยในห้างที่ผู้โพสต์ระบุ พร้อมตรวจสอบต้นตอเฟซบุ๊กจนสาวไปถึงเจ้าของภาพในเฟซบุ๊ก เป็นเยาวชนอายุ 13 ปี อยู่ที่อำเภอพิมาย จึงเรียกตัวมาสอบปากคำ ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นคนโพสต์ถูกเอารูปไปแอบอ้าง และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากผลตรวจสอบมีหลักฐานยืนยันว่าเยาวชนคนนี้ไม่ได้เป็นคนโพสต์ แต่ถูกเอารูปไปแอบอ้าง และตรวจสอบไม่พบสารเสพติด ซึ่งพี่ชายยืนยันจะเอาเรื่องคนโพสต์จนถึงที่สุด

ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ (13 ต.ค.) ตำรวจจับกุมผู้ที่่โพสต์เฟซบุ๊กป่วนเมืองได้แล้ว เป็นหญิงอายุ 30-35 ปี จับกุมได้ที่อำเภอปักธงชัย สอบสวนรับสารภาพว่า เป็นผู้โพสต์ป่วนเมืองดังกล่าว โดยได้คุมตัวมาสอบสวนขยายผลหาสาเหตุแรงจูงใจในการก่อเหตุ พร้อมตรวจสอบประวัติ พบเป็นผู้ที่มีการรักษาอาการป่วยทางจิต และเคยถูกจับคดีอาชญากรรม 4 คดี เป็นคดีลักทรัพย์ และพกพาอาวุธปืน ส่วนแรงจูงใจคาดว่าน่าจะนึกสนุก

ขณะที่ นายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม บอกว่า การโพสต์ข้อความข่มขู่นี้เข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

นอกจากนี้พฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ