เสี่ยร้านโทรศัพท์ เสียรู้สาวร้านนวด แอบโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง 39 ครั้ง สูญเงินเกือบ 2 ล้านบาท
เสี่ยร้านโทรศัพท์ ถูกสาวร้านนวดทำทีมาติดสนิท อยากคบกับเขาเป็นแฟน พอเสี่ยร้านโทรศัพท์เริ่มใจอ่อน หลงคารม สาวร้านนวดได้ออกลายจิ้งจอกสาว แอบโอนเงินจากโทรศัพท์ของเสี่ยไปเข้าบัญชีตัวเองถึง 39 ครั้ง ใช้เวลาเพียง 16 วัน ได้เงินไปเกือบ 2 ล้านบาท
วันนี้ (3 ก.ย. 67) นายวิทวัส อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายโทรศัพท์ชื่อดัง เข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ตามจับกุมจิ้งจอกสาวรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเป็นภัยสังคม
นายวิทวัส ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วง ต้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา ตนไปใช้บริการร้านนวดย่านซอยวัดโพธิ์แมน ถนนนราธิวาส กทม. ไปเจอหมอนวดคนหนึ่งชื่อนางสาวเลย์ ระหว่างที่นวดใกล้จะเสร็จ ทางนางสาวเลย์ได้เสนอว่า จะนวดแบบพิเศษต่อไหม ตนจึงตกลงที่จะซื้อบริการแบบนี้พิเศษไป
หลังใช้บริการเสร็จตนได้เอาเงินสดให้นางสาวเลย์ 5,500 บาท แต่นนางสาวเลย์ปฏิเสธไม่รับเงินสดขอให้ตนโอนให้แทน และนางสาวเลย์ ได้ขอให้ตนไปส่งบ้านที่อยู่ย่านรามคำแหง แล้วบอกให้ไปโอนเงินบนรถ ระหว่างที่ตนขับรถยนต์ไปส่งนางสาวเลย์ ที่บ้าน ตนได้โอนเงินค่านวดให้นางสาวเลย์ จังหวะนั้นตนไม่ทราบเลยว่านางสาวเลย์ ได้แอบดูรหัสบัญชีธนาคารบนมือถือ หลังโอนเงินเสร็จก็ไปส่งบ้านตามปกติ
จากนั้นนางสาวเลย์ ได้ทักมาพูดคุยกับตนเอง ชวนมาเที่ยวที่ร้านนวด ชวนมาไปกินข้าว หากวันไหนตนไม่รับโทรศัพท์ นางสาวเลย์ ก็จะบุกมาถึงร้านขายโทรศัพท์ตนทันที ตอนนั้นตนนตนคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงชอบเราจริง ตนก็ยอมไปกินข้าวด้วย และไว้ใจ ทุกครั้งที่นางสาวเลย์ มาเจอตนจะทำท่าทางคอยหึงหวง จะเอาโทรศัพท์มือถือตนไปเช็กอยู่ทุกครั้ง
ต่อมาวันที่ 15 นางสาวเลย์ ได้ขอยืมเงิน 20,000 บาท ตนก็โอนเงินให้ไป แต่ตอนนั้นตนสังเกตเห็น นางสาวเลย์ จ้องดูโทรศัพท์ตนเวลาโอนเงิน ตนไม่รู้เลยว่าเขากำลังจดจำรหัสเข้าแอปธนาคาร
จนกระทั่งเรื่องมาเกิดวันที่ 16 สิงหาคม 2567 นางสาวเรย์ ได้มาหาตนที่ร้านขายโทรศัพท์ และทำท่าทีหึงหวงเหมือนเคย และได้นำโทรศัพท์ตนเองไปเช็กว่ามีใครมาติดพันตนไหม
จากนั้นนางสาวเรย์ ได้แอบโอนเงินออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 1,000 บาท เหมือนเป็นการหยั่งเชิง และจากนั้นได้โอนออกไปอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 49,999 บาท ซึ่งที่โอนยอดเท่านี้เป็นการเลี่ยงสแกนหน้า
วันที่ 19 สิงหาคม โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเองอีก 4 ครั้ง ครั้งละ 49,000 บาท
วันที่ 24 สิงหาคม โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 6 ครั้ง ครั้งละ 49,0000 บาท
วันที่ 29 โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 5 ครั้ง ครั้งละ 49,000 บาท
วันที่ 30 สิงหาคม โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 4 ครั้ง ครั้งละ49,000 บาท
วันที่ 31 สิงหาคม วันนี้โอนออกไปเยอะหน่อย 17 ครั้ง วันนี้ได้เงินไป 725,997 บาท
โดยรวมยอดทั้งหมด ที่นางสาวเลย์ โอนเงินไปเข้าบัญชีตัวเอง เป็นเงิน 1,788,594 บาท
ตนมาทราบเรื่อง ในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ที่ทราบเรื่องเพราะว่า มีเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ของตนเอง โอนเข้ามาธนาคารกสิกรไทยขอตนเอง ตนตนจึงแปลกใจว่าตนไปโอนตอนไหน ตนจึง เปิดเข้าไปดูหลักฐานการโอนเข้าโอนออกของธนาคาร ปรากฏว่า เงินในบัญชีหายไปเป็นจำนวนมาก ตนจึงตรวจสอบว่าเงินถูกโอนออกไปไหน จึงพบว่าเงินถูกโอนไปยังบัญชีของนางสาวเลย์ ตนจึงรีบไปแจ้งความเพื่อทำการอายัดบัญชีของนางสาวเลย์ทันที และต้องการดำเนินคดีกับนางสาวเลย์ และจากการตรวจสอบว่าทำไม SMS ไม่แจ้งเตือนขณะที่มีเงินโอนเข้าโอนออก ปรากฏว่านางสาวเลได้แอบปิด ข้อความSMS ไว้ ไม่ให้แจ้งเตือน และคอยลบรูปสลิปเงินในอัลบั้มออกหมด แต่ก็ยังพลาดท่าลบรูปสลิปออกไม่หมดทำให้ตนจับได้
ตอนนี้นางสาวเรย์ พยายามติดต่อมาขอเจรจากับตน ให้ตนไม่เอาความ แต่ตนยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากไม่ได้เงินคืนตามจำนวน
ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า เช็กจากประวัติผู้หญิงรายนี้ดูแล้ว น่าจะเป็นมิจฉาชีพโดยสันดาน ใช้คำว่าจิ้งจอกสาวคงไม่ผิด ลักษณะการก่อเหตุดูเหมือนเป็นมืออาชีพ มีการใช้จุดอ่อนของผู้เสียหายเป็นการหลอกลวง ตนเชื่อว่าจิ้งจอกสาวรายนี้ทำผิดพลาดใหญ่หลวง เพราะหากเธอไม่แอบโอนเงินของเสี่ยหนุ่มรายนี้ไป เธอคงจะสบายไปตลอดชีวิต เพราะดูแล้วเสี่ยหนุ่มรายนี้เป็นคนจิตใจดีมาก หลังจากนี้ตนจะประสานไปยังผู้กำกับ สน.หัวหมาก ให้เร่งล่าตัวจิ้งจอกสาวรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้