ฟื้นแผนบริหารจัดการน้ำ ยุค ยิ่งลักษณ์

เจาะประเด็นข่าว 7HD - สถานการณ์น้ำเหนือที่เริ่มคลี่คลาย วันนี้ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคน ลงพื้นที่ไปจังหวัดสุโขทัย เพื่อไปประชุมสรุปภาพรวมความเสียหาย เตรียมมาตรการเยียวยา พร้อมกับเตรียมรื้อฟื้นแผนบริการจัดการน้ำระยะยาว ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับคืนมา

ฟื้นแผนบริหารจัดการน้ำ ยุค ยิ่งลักษณ์
โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ไปรับฟังสรุปสถานการณ์น้ำ และวางแผนการแก้ไขปัญหา ที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย

โดยนายภูมิธรรม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ได้เน้นย้ำเรื่องการฟื้นฟู และสำรวจความเสียหายในช่วงน้ำลด ที่จะต้องดูแล และเยียวยาประชาชนให้ทั่วถึง เพราะบางคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว แต่อย่างไรก็ตามก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะเดือนกันยายนนี้ มีการประเมินว่า จะยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลให้ พื้นที่ภาคเหนือ 16 จังหวัด ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยต่อน้ำท่วมฉับพลัน ดังนั้นต้องรีบเร่งระบายน้ำในพื้นที่ และซ่อมคันกั้นน้ำที่ชำรุดให้เร็วที่สุด

นอกจากนี้ที่ประชุม ยังมีการเสนอความเห็นเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาว โดยเฉพาะแม่น้ำยม ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเป็นคนพื้นที่ได้เสนอให้มีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ แต่ถ้าหากสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ไม่ได้ ก็ต้องสร้างเขื่อนเรียงหิน หรือเขื่อนคอนกรีต ทดแทน

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายภูมิธรรม นำเหล่าบรรดารัฐมนตรี ไปที่โรงครัวของศูนย์ประสานการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสุโขทัย โชว์ฝีไม้ลายมือทำอาหารโชว์สื่อมวลชน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยเมนูที่ทำ เช่น ข้าวผัดถั่วงอก ส่วนนายอนุทิน ทำข้าวผัดกระเพราหมูสับ ก่อนจะรับประทานโชว์สื่อมวลชนก่อน พร้อมกับบอกว่า อร่อย

จากนั้นนายภูมิธรรม ได้เดินไปพบประกับประชาชนกว่า 200 คน และมอบถุงยังชีพ พร้อมกล่าวกับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมว่า วันนี้รัฐบาลจะเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาโครงการบริหารจัดการน้ำระยะยาวให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนงานที่เคยมีในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาทบทวนอีกครั้ง

ปลอดประสพ ปลุกกระแสสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
ขณะที่เรื่องนี้นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ออกมาปลุกกระแสสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น จังหวัดแพร่ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ต้องยอมแลกกับการเสียพื้นที่ป่าประมาณแสนไร่ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม พร้อมฝากบอกกลุ่มที่คัดค้าน อย่าคิดแต่จะเอาชนะกัน โดยไม่มองผลประโยชน์ของประเทศ ควรหันกลับมาพูดคุยกัน เพื่อลูกหลานของพวกเราในอนาคต