ฟ้อง พล.ต.อ. สมยศ กับพวกเอื้อคดี บอส อยู่วิทยา
เช้านี้ที่หมอชิต - คดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต มีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อศาลรับฟ้อง พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับพวกรวม 8 คน
นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ในรอบ 50 ปี ที่มีการเอาผิด พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวกรวม 8 คน ก่อนจะอนุญาตให้ประกันตัวและสั่งห้ามออกนอกประเทศ โดยการนี้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงสำนวน และลดความเร็วรถยนต์ เพื่อบิดสำนวนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถพุ่งชน ดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ จราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อ 3 กันยายน 2555
โดยหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ประทับรับฟ้องคดีดังกล่าว และนัดสอบคำให้การวันที่ 10 กันยายนนี้ เวลา 09.30 น. ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน จะใช้หลักทรัพย์คนละ 200,000 บาท ยื่นขอประกันตัวสู้คดี โดยศาลกำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาต และให้มารายงานตัวตามที่กําหนด
ซึ่ง พลตำรวจเอกสมยศ ไม่อยากแสดงความคิดเห็นในคดีนี้ เนื่องจากเป็นการก้าวก่ายและเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยการต่อสู้คดีจะให้เป็นหน้าที่ของทนายความ
ด้าน นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส 1 ใน 8 ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพเป็นครั้งแรกว่า ช่วยให้คําปรึกษาคดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธ์จริง เพราะเป็นเพื่อนหลานสาว และการให้คำปรึกษาสามารถทำได้ เพราะตนไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี
นายชัยณรงค์ ยังบอกถึงต้นเหตุทำตนพัวพัน กลายมาเป็นผู้ต้องหา เพราะมีการนำคลิปเสียงการสนทนาที่ถูกตัดต่อมาใช้เป็นหลักฐาน แต่ตนเองก็มีคลิปเสียงสนทนาต้นฉบับมาเป็นหลักฐานในการสู้คดี โดยจะเปิดเทปตัวเต็ม วันที่ 23 กันยายนนี้ หลังศาลไต่สวนมูลฟ้องคดีนายตํารวจตัดต่อเทป ครั้งที่ 4 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
ขณะที่ นายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษคดีปราบปรามการทุจริต 1 ยืนยันคดีนี้ ไม่มีการติดต่อวิ่งเต้นจากผู้ใด จะดำเนินการตามพยานหลักฐานให้ถึงที่สุด
สำหรับ นายวรยุทธ ปัจจุบันเหลือเพียงข้อหาเดียว คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอายุความ 15 ปี คดีจะขาดอายุความ วันที่ 3 กันยายน 2570 และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการติดตามตัวนายวรยุทธ
กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า คดีนี้ส่งหมายแดงตำรวจสากลให้ประเทศสมาชิกทั่วโลก แต่ติดปัญหาสำคัญที่ไม่มีใครสามารถระบุตัวตน และสถานที่อยู่ในปัจจุบัน หากมีคนยืนยันก็พร้อมประสานอัยการนำตัวกลับมาดำเนินคดีทันที