ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

ครูสาวขับเก๋งกลับบ้านเจอ จนท.พช.แซงซ้ายเบียดชนรถพังเจรจาค่าเสียหายบอกไม่มีจ่ายอยากได้ฟ้องเอาอีกฝ่ายโ


ครูสาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรม ขับเก๋งกลับบ้านกลางคืนคนเดียวระหว่างทาง กระบะ จนท.พช.สังกัด อบต. แซงซ้ายเบียดชนรถเสียหาย คืนเกิดเหตุ ตร.บอกไปโรงพักกลับหนีหาย วันต่อมานัดไกล่เกลี่ยบอกจะดูแลเฉพาะค่าซ่อม  แต่ไม่จ่ายเยียวยาค่าเสียเวลาตามที่ตกลงบอกอยากได้ไปฟ้องเอา อีกฝ่ายโต้ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบพร้อมจ่ายค่าซ่อม และค่าเสียเวลาตามวันที่จอดซ่อมจริง

(13 ส.ค.67)  นางสาวณิชาภัทร  จีนประโคน หรือครูจุ๋มจิ๋ม อายุ 34 ปี ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน  อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์  ได้โพสต์เรียกร้องความเป็นธรรมผ่านโซเชียล และร้องเรียนผ่านสื่อ กรณีที่ขับรถเก๋งกลับบ้านตอนกลางคืนคนเดียว ระหว่างทางเจอรถกระบะขับแซงซ้ายแล้วเบียดชนทำให้รถเก๋งพังเสียหาย แล้วขับหนีจึงพยายามขับตามเพื่อไปดูทะเบียนรถไว้เป็นหลักฐานในการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขับตามไปไกลเกือบ 10 กิโลเมตร ก็เห็นรถกระบะจอดข้างทางจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่ตอนที่ลงไปพูดคุยคนขับรถรถกระบะ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ชำนาญงานประจำ อบต.แห่งหนึ่ง  ได้มาต่อว่าตนเองว่าขับรถแบบไหนทั้งที่เป็นฝ่ายขับมาชน

โดยครูจุ๋มจิ๋ม เล่าว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตนไปช่วยงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ในเมืองบุรีรัมย์ พอเสร็จงานก็ขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซิตี้ สีบอร์น กลับบ้านพักที่อำเภอนางรอง เวลาประมาณ 21.00 น.โดยใช้ถนนสาย 218 บุรีรัมย์-นางรอง พอมาถึงช่วงบ้านละนามพลวง ต.หนองโสน อ.นางรอง ตนขับอยู่เลนขวาสุด ได้มีรถขับมาจากด้านหลัง อย่างกระชั้นชิด ซึ่งตอนนั้นตนก็มองเห็นแล้วว่า ไม่สามารถหลบให้ทางซ้ายได้ อีกอย่างตนมองทางด้านซ้ายก็ไม่มีรถและด้านหน้าก็ไม่มีรถ คันหลังทำไมถึงไม่ออกซ้ายไปเนื่องจากถ้าตนออกซ้ายให้กะทันหันก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ตนจึงตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวขวาแช่ไว้ เพื่อให้รถคันดังกล่าวออกด้านซ้ายแต่ใน ขณะที่เขาเปลี่ยนไปเลยซ้ายกลับมาเฉี่ยวชนรถของตน แล้วเขาก็ขับรถหนีไป ซึ่งตนได้ขับรถไล่ตาม เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร กว่าจะจอดก็เข้าเขตอำเภอนางรองแล้ว ตนในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนเดียวขับรถกลับบ้านกลางดึกยอมรับว่ากลัวจนร้องไห้ เขาลงจากรถและมาต่อว่าตนทำไมขับรถไปชนเขา ซึ่งตนต้องตั้งคำถามก่อนว่าเขาขับรถมาชนเราเขาเป็นฝ่ายผิด จากนั้นจึงได้โทรเรียกตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมา และคืนนั้นตำรวจได้ยึดใบขับขี่ไปก่อนจะเดินทางไปที่สถานีตำรวจ แต่คู่กรณีไม่ไปที่โรงพัก ตนจึงสอบถามตำรวจว่าทำไมคู่กรณีไม่มาตำรวจบอกว่าได้ยึดใบขับขี่ไว้แล้ว และรู้จักบ้านเขาอยู่เดี๋ยวค่อยเรียกมาคุยกันในตอนเช้า

ต่อมาพูดคุยกันที่สถานีตำรวจในเช้าวันที่ 29 แต่ก็ยังไม่สามารถพูดคุยตกลงกันได้เขาบอกว่าจะชดใช้แค่ 20,000 บาท และยอมจ่ายเสียเวลาซ่อม 14 วันเท่านั้น ซึ่งตนมองว่าตนเป็นฝ่ายเสียหายประกันก็ประเมินมูลค่าการซ่อมอยู่ประมาณ 35,000 บาท และนอกเหนือจากนี้ตนยังต้อง เช่ารถเขาขับไปทำงาน จึงอยากขอให้เขาเยียวยาตนในส่วนการชดเชยค่าเสียเวลาช่วงที่ซ่อมรถบ้าง วันที่ 3 สิงหาคม ก็นัดพบพูดคุยกันที่โรงพักแต่คู่กรณีไม่มาแต่พอกลับถึงบ้าน คู่กรณีก็เข้าไปที่โรงพักก็ไม่ได้คุยกันอีก จากนั้นตนโทรไปหาคู่กรณีแต่ไม่รับ ไลน์ไปอ่านแต่ไม่ตอบไม่รู้จะทำยังไงเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงออกมาร้องเรียน

ต่อมาทีมข่าวได้ไปสอบถามคู่กรณี ชื่อนายเอ็ม (นามสมมติ) เป็นเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน ชำนาญงาน สังกัด อบต.แห่งหนึ่ง โดยนายเอ็ม บอกว่า คืนเกิดเหตุขับกระบะกลับจากขายเสื้อผ้าพร้อมภรรยา รถคู่กรณีขับเก๋งแช่เลนขวา จึงเปิดไฟสูงใส่ให้เขาหลบไปเลนซ้าย แต่เขาไม่ยอมหลบตนจึงตัดสินใจแซงซ้าย แล้วจะเบี่ยงเข้าเลนขวาคืนจังหวะเข้าเลนขวาได้เฉี่ยวชนกับรถของคู่กรณี ก็ขับไปต่อเพื่อหาที่มีแสงสว่างจอดไม่ได้จะหนีและไม่ได้เจตนาชนตามที่คู่กรณีกล่าวอ้าง ก็ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดก็เสียค่าปรับที่โรงพักแล้วฐานขับรถด้วยความประมาท ส่วนการชดใช้จ่ายเสียหาย ก็มีการพูดคุยกับคู่กรณี ตอนแรกคู่กรณีบอกจะเรียก 100,000 บาท ตนมองว่ามันสูงเกินไปเพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก็ต่อรองกันตนก็พร้อมจะรับผิดชอบค่าซ่อมให้ซึ่งเขาประเมินไว้ที่อู่ 35,000 บาท เพราะฝ่ายเขามีประกันตนก็ต้องชดใช้ตามขั้นตอนอยู่แล้ว แต่เขาจะเรียกค่าเยียวยาเป็นค่าเสียเวลาเพิ่มอีกแต่ยังตกลงกันไม่ได้ ไม่ได้จะปัดความรับผิดชอบแต่จะจ่ายให้ตามที่เสียหายจริง และไม่เคยบอกว่าให้ไปฟ้องเอา แต่ฝั่งเขากลับโพสต์ให้เสียหาย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark