ล้อมจับพระคลั่ง ท้าตำรวจต่อย เจอคุมตัวสึก ผลตรวจฉี่ม่วง ค้นกุฏิเจอมีดและขวาน เป็นจำนวนมาก
วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดมงคลรัตนาราม (หนองน้ำเขียว) พื้นที่หมู่ 4 ตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพรตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ หลังมีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ เกิดเหตุพระลูกวัด แสดงอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาดด่าทอโวยวาย จนเจ้าอาวาส ต้องแจ้งตำรวจในพื้นที่เข้ามารับงับเหตุ ก่อนมีการควบคุมตัวพระสงฆ์รูปดังกล่าว ไปทำการสึก แล้วจึงนำตัวส่งสถานบำบัดโรงพยาบาลจิตเวช ในพื้นที่อำเภอพยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง ร.ต.ท.วิสุทธิ์ ศรีศักดิ์เพชร รอง สว.(ป.) สภ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้รับแจ้งจากพระสมุห์ประยุทธ ปัญญาโร เจ้าอาวาสวัดมงคลรัตนาราม (หนองน้ำเขียว) ว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง คือ พระสุชาติ อายุ 58 ปี ซึ่งเพิ่งมาอยู่วัดได้ไม่ถึงเดือน มีอาการคล้ายเมายา พูดจาไม่รู้เรื่อง มีพฤติกรรมแปลกชออบเก็บตัว ไม่ออกบิณฑบาต ไม่ประกอบกิจกรรมของสงฆ์ และชอบเปิดเพลงเสียงดังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เมื่อรับแจ้งจังเดินทางไปพร้อมสายตรวจ เพื่อตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที ปรากฏว่า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านจำนวนมากมายังวัด เพื่อขับไล่พระสงฆ์รูปนี้ ให้ออกจากวัดเนื่องจากสร้างความเดือดร้อนรำคราญ
เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นที่ไม่ดี จึงเข้าไปเจรจากับพระรูปนี้เพื่อเชิญตัวไป สภ.บรรพรตพิสัย ปรากฏว่า พระรูปนี้พูดจาไม่รู้เรื่องคล้ายคนเมา จึงขอกำลังเสริมเพื่อนำไม้ง่าม อุปกรณ์มาระงับเหตุ พร้อมเจรจาต่อเนื่อง แต่พระยังไม่ยอมพร้อมท้าตี ท้าต่อย ด่าทอตำรวจตลอดเวลา จึงใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานนับชั่วโมง ในที่สุดก็ยอมเดินทางไปยัง สภ.บรรพรตพิสัย เพื่อให้ตำรวจตรวจปัสวะ ปรากฏว่า พระรูปนี้มีปัสวะเป็นสีม่วง จึงนำตัวไปทำการสึกจากพระ
ผู้สื่อข่าวได้สำรวจในบริเวณวัดที่เกิดเหตุ พบว่าวันนี้ มีกลุ่มชาวบ้านที่เป็นลูกศิษย์วัดจำนวนหนึ่ง ต่างกำลังช่วยกันขนย้ายข้าวของที่อยู่ในกุฎิของ อดีตพระสุชาติ ที่คลุ้มคลั่ง เอาออกมากองรวมไว้ เพื่อเตรียมนำเอาบางส่วนไปทิ้ง และบางส่วนที่ยังใช้ได้ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า นำเอาไปเก็บไว้ภายในศาลาวัด แต่ก็พบว่า ภายในกุฎิดังกล่าว อดีตพระสุชาติ ได้มีการเก็บมีดและขวานไว้เป็นจำนวนมาก รวมถึงไฟแช็กที่ถูกถอดชิ้นส่วนเก็บไว้ในกระป๋องนับร้อยอัน
จากการสอบถาม ร.อ.ต.ประดิษฐ์ บุญแต่ง ไวยาวัจกรวัด กล่าวว่า อดีตพระสุชาติ เคยบวชมา 7 พรรษาแล้ว แต่เมื่อก่อน เขาไปบวชจำพรรษาอยู่ที่วัดในพื้นที่ จ.พิจิตร และเพิ่งจะมาขออยู่จำวัดที่นี่ได้ไม่ถึง 1 เดือนเต็ม จนกระทั่งมาเกิดปัญหา เนื่องจากเมื่อช่วงตี 4 ของเมื่อวาน เจ้าตัวเปิดเพลงลูกทุ่งดังลั่นกุฎิ จนเจ้าอาวาสวัด ต้องเข้าไปว่ากล่าวตักเตือน แต่กลับกลายเป็นถูกด่ากลับ โดยบอกว่า เจ้าอาวาสไม่มีสิทธิมาห้าม เนื่องจากเขาไหนไม่รู้ สั่งให้มาดูแลวัดแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว แล้วเลยเถิดกลายเป็นการอาละวาดครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้าตัว ซึ่งขนาดตำรวจที่ถูกร้องขอให้มาระงับเหตุ ยังถูกอดีตพระสุชาติ ท้าตีท้าต่อย แม้แต่ระดับรองสารวัตร ก็ยังโดน ท่ามกลางอาวุธไม่ง่ามรอบตัว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด แต่ก็โชคดี ที่ตำรวจพยายามใช้การเจรจาก่อนเป็นหลัก จึงไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ และทางสุดท้าย อดีตพระสุชาติยอมให้ตำรวจควบคุมตัวนำไปตรวจหาสารเสพติดก่อนจะพบว่า ฉี่เป็นสีม่วง จึงนำตัวไปสึกอีกวัด แล้วพาไปส่งโรงพยาบาลบำบัดโรคจิต
ร.อ.ต.ประดิษฐ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตอนที่อดีตพระสุชาติมาขอจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมคลุ้มคลั่งอะไรเลยนะ แต่ก็มีพฤติกรรมแปลก คือไม่ค่อยออกมาประกอบกิจสงฆ์ เพราะเขาชอบเก็บตัวมากกว่า แต่ก็มีอยู่วันหนึ่ง เขาไปออกบิณฑบาตรับอาหารจากญาติโยม แต่พอญาติโยมใส่บาตรเขากลับส่งถุงแกงและอาหารคืนให้ญาติโยมทั้งหมด ส่วนกิจกรรมของสงฆ์อย่างอื่น เขาก็ไม่ทำ แต่ก็มีข้อดีอยู่เรื่องเดียว เรื่องการทำความสะอาดวัด สะอาดระดับมิชลินต้องยกรางวัลให้ เพราะไม่ว่าจะอยู่จุดไหน เขาเก็บไม่มีเหลือ ขนาดอายุเยอะแล้ว ยังปีนบันไดขึ้นศาลาวัดเก็บกวาดขี้นกเอี่ยมอ่องอรทัย
ด้านพระสุมห์ประยุทธ์ ปัญญาวโร เจ้าอาวาสวัดมงคลรัตนาราม ระบุว่า ตอนที่เข้าไปตักเตือนอดีตพระสุชาติ เรื่องเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดังแข่งกับเสียงระฆังวัด ก็ถูกเจ้าตัวด่าทอหยาบคายเสียหาย แถมยังมาต่อว่า ให้ไปสอนตัวเองให้ดีก่อน จึงคิดว่า เขาน่าจะใช่แหละ น่าจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแน่นอน เพราะอาการมันฟ้อง เนื่องจากตนปล่อยให้ผ่านมาเวลามาจนถึงช่วงบ่าย เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดอาละวาดโวยวาย แถมยังหนักข้อขึ้นกว่าเดิม จึงต้องแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุดังกล่าว เกรงว่า จะเกิดเรื่องบานปลาย เพราะชาวบ้านเริ่มไม่พอใจ มารุมล้อมอดีตพระสุชาติเอาไว้