แม่อดีต ผอ.โรงเรียนที่บุรีรัมย์ ที่ก่อเหตุยิงยกครัว 4 ศพ ก่อนยิงตัวเอง ฟันธงสาเหตุที่ลูกชายแค้น

แม่อดีต ผอ.โรงเรียนที่บุรีรัมย์ ที่ก่อเหตุยิงยกครัว 4 ศพ ก่อนยิงตัวเอง ฟันธงสาเหตุที่ลูกชายแค้น เพราะไปสร้างบ้านด้วยกันที่ศรีสะเกษ แต่ฝ่ายหญิงกลับไปมีสามีใหม่ พร้อมกับฟ้องหลายเรื่องเพื่อไม่ให้ฝ่ายชายไปยุ่งเกี่ยวอีก เผย ผอ.เตรียมการไว้แล้วทั้งชิงลาออกเมื่อเดือนเศษ และเขียนจดหมายสั่งเสีย

วันที่ 23 ก.ค.67 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดที่นายปฐพี อายุ 51 ปี ชาวตำบลหนองบอน อำเภอประโคน จังหวัดบุรีรัมย์ อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ขับรถมาจอดแล้วลั่นไกปืนลูกซองยาว ยิงตัวเองเสียชีวิตภายในรถต่อหน้าตำรวจระหว่างโดนปิดล้อมไว้ หลังจากที่ นายปฐพี บุกเข้าไปที่บ้านอดีตภรรยาแล้วก่อเหตุยิงยกครัว 4 ศพ ที่ ศรีสะเกษ

พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เพราะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวม 5 คน เบื้องต้น เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน และมีมูลเหตุชัดเจนคือเรื่องครอบครัว เนื่องจาก ผอ.มีการเตรียมการไว้แล้ว ทั้งลาออกจากราชการ ได้ประมาณเดือนเศษที่ผ่านมา มีการเขียนจดหมายไว้กับกระดาษทิ้งไว้ใต้เท้า ภายในรถ  ด้วยข้อความว่า”ถ้าตายไม่ต้องตั้งสวดนะ เผาได้เลย แต่นำเอากระดูกกลับ” พร้อมกับเขียนชื่อพ่อแม่และเบอร์ศัพท์เอาไว้ ทางตำรวจ สภ.ประโคนชัย บุรีรัมย์ จะทำคดีแค่การพิสูจน์หลักฐาน ส่วนคดีหลักต้องให้ต้นทางคือจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าของพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการต่อไป

ขณะที่นางลอย อายุ 77 ปี แม่ ผอ.ฝ่ายชายที่เสียชีวิต เล่าว่าลูกชายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. บอกแม่ว่าจะไปเที่ยว จนกระทั่งมาทราบข่าว นางลอย เล่าด้วยว่า ผอ.ฝ่ายหญิง เคยพาลูกติดมาที่บ้าน ตอนนั้นเด็กยังตัวเล็ก ตนไม่ได้ว่าอะไร เพราะลูกชายได้อย่าร้างกับภรรยาเก่าไปแล้ว ส่วนหลาน 2 คน คือ ลูกของลูกชาย โตเป็นหนุ่มไปทำงานแล้ว ก่อนหน้านี้ ได้มีหนังสือจากศาล มาส่งที่บ้าน 2 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าถูกฟ้องเรื่องอะไร เพราะลูกชายไม่เคยบอก

ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ส่วนตัวตนเชื่อว่า ลูกชายคับแค้นใจ เพราะบ้านที่จังหวัดศรีสะเกษ ลูกชายเป็นคนร่วมสร้าง แต่ฝ่ายหญิงกลับไปมีสามีใหม่ซึ่งเป็นทนาย อายุน้อยกว่า และฟางเส้นสุดท้ายที่ลูกชายแค้นคือการที่ถูกฝ่ายหญิงทนายคือสามีใหม่ฟ้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกชายเข้าไปยุ่งเกี่ยว จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว