|
สส.สมุทรสงคราม รุดช่วย เยาวชนอายุ 15 ปี ถูกพ่นสเปรย์จุดไฟแช็กเผา หลังทะเลาะชกต่อยเพื่อน
เสพยาเคลิ้ม เยาวชนใช้สเปรย์จุดไฟแช็กเผาเพื่อน เจ้าตัวรับสารภาพ ฉุนเหตุทะเลาะชกต่อยกัน สส.สมุทรสงคราม รุดช่วย
วันนี้ (16 ก.ค.67) ที่จังหวัดสมุทรสงครามเกิดเหตุการณ์น่าตกใจ วัยรุ่นมั่วสุมเสพยา และเกิดทะเลาะมีปากเสียง ใช้สเปรย์ไวไฟ จุดไฟแช็กพ่นใส่เพื่อนได้รับบาดเจ็บ สส.สมุทรสงครามรุดช่วย
นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย สส.สมุทรสงคราม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุทะเลาะกันในพื้นที่ ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม จึงไปตรวจสอบเพื่อให้ความช่วยเหลือ พบเยาวชนชายซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทะเลาะกันใช้กระป๋องสเปรย์จุดไฟพ่นใส่ มีเยาวชนชายอายุ 15 ปี บาดเจ็บ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณต้นคอ ศีรษะและใบหูทั้ง 2 ข้าง แผลพุพองระดับ 2 จากการถูกไฟเผา และแผลเริ่มติดเชื้อ แพทย์ให้เข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลแล้ว
ต่อมา นายอานุภาพ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม เพื่อประสานให้ติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 ชม. สามารถจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ โดยพบเยาวชน 2 ราย นั่งอยู่ในบ้าน หลังหนึ่ง มีเยาวชนชาย วัย 17 ปี รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง จึงประสานผู้ปกครองของเด็ก พาตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ
จากการสอบสวนเบื้องต้น เยาวชนวัย 17 ปี รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากมีปากเสียง และชกต่อยกัน กระทั่งผู้เสียหายนอนหลับ ด้วยความคึกคะนองประกอบกับยังขุ่นเคืองใจอยู่ จึงจุดไฟแช็กแล้วฉีดสเปรย์พ่นไปที่คอและศีรษะของผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บทั้งทางกายและจิตใจ
นายอานุภาพ กล่าวว่า จากการเข้าเยี่ยมเด็กผู้เสียหายทราบว่า เป็นคนต่างจังหวัด พ่อแม่แยกทาง ไม่มีใครดูแลเลี้ยงดู จึงมาอยู่กับเพื่อนวัย 17 ปี ที่ตำบลแหลมใหญ่ และมักมั่วสุมจับกลุ่มเสพยาเสพติด เช่น ยาบ้า กระท่อม กัญชา และบีไฟว์ และยา 542 ซึ่งมีฤทธิ์กล่อมประสาท เพื่อทำให้เคลิ้ม ก่อนเกิดเหตุเยาวชนที่ก่อเหตุใช้ยากล่อมประสาททำให้มึนเบลอ และก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเป็นภัยสังคมรูปแบบใหม่ที่เกิดทั่วไป ยาบีไฟว์ ยา542 น้ำกระท่อม กัญชา ตอนนี้แพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชน เพราะเข้าถึงง่าย ทำให้เกิดเหตุอย่างนี้
