ชื่นชม วัดติดป้ายเตือน งดปล่อยปลาดุกลงน้ำ ทำลายระบบนิเวศ
ชาวเน็ตชื่นชม วัดตระพังทอง ติดป้ายประกาศเตือนคนทำบุญ งดปล่อยปลาดุก เหตุเป็นตัวทำลายระบบนิเวศกินปลาเล็กหมด
วันนี้ 26 มิ.ย.67 โลกออนไลน์มีการแชร์ภาพชื่นชม ภายหลัง วัดตระพังทอง วัดเก่าแก่ในจังหวัดสุโขทัย ติดป้ายประกาศริมเกาะกลางน้ำรอบวัด เพื่อเตือนสติชาวพุทธชอบทำบุญ เรื่องการปล่อยปลา โดยระบุข้อความว่า "เตือนคนทำบุญห้ามปล่อยปลาดุก ทำลายระบบนิเวศ ห้ามปล่อยปลาดุก"
"ปล่อยปลาอย่างไรให้ได้บุญ ไม่แนะนำให้ปล่อยถ้าเป็นไปได้ เพราะส่วนใหญ่กลายพันธุ์มา มันแดกปลาตัวอื่นที่เล็กกว่าหมด ปล่อยปลาดุกลงแหล่งน้ำ เหมือนปล่อยฝูงซอมบี้บุกหมู่บ้าน ทำบุญ แต่จะได้บาปแทน"
ซึ่งภายหลังทางวัดได้โพสต์ภาพป้ายเตือนต่างๆ ชาวเน็ตที่ได้เห็นต่างเข้าชื่นชมวัดตระพังทองเป็นจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน้ำจืด ได้เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nonn Panitvong ถึงเรื่องการปล่อยปลาดุกทำลายระบบนิเวศ ไว้ว่า
"ปลาดุก 1 ตันกินสัตว์น้ำประมาณ 1,800,000 ตัวต่อปี ปลาดุกที่นิยมเลี้ยงเพื่อนำมาเป็นอาหารในปัจจุบันในประเทศไทย เป็นปลาดุกลูกผสมที่เกิดจากปลาดุกยักษ์จากทวีปแอฟริกาและปลาดุกอุย ลูกปลาที่เกิดมาเป็นปลาลูกผสมที่ถือว่าเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เรียกชื่อทางการค้าว่าปลาดุกบิ๊กอุย ได้ปลาที่โตเร็ว มีเนื้อดีพอสมควรและเป็นหมัน การใช้ประโยชน์คือนำมาบริโภคตามจุดประสงค์ที่ถูกเลี้ยงขึ้นมา ในปัจจุบันมีผู้นิยมนำปลาดุกบิ๊กอุยไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติของประเทศไทยเพื่อทำบุญ แต่การกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่นั้นๆ โดยผมจะขอยกตัวอย่าง ในกรณีที่ปลาดุกที่ถูกเลี้ยงมาในที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปตลอดชีวิตสามารถปรับตัวหัดหาอาหารเองในธรรมชาติเป็น ไม่ถูกใครจับไปเสียก่อน ดังนี้
สมมุติฐาน
ปลาดุกเป็นปลาที่กินทั้งพืชและสัตว์ สักครึ่งๆ 50:50
ปลาดุกกินอาหารวันละ 5% ของน้ำหนักตัว
ปลาดุกที่ปล่อยขนาดทั่วไปของตลาดประมาณ 3ตัว/1กิโลกรัม
ปลาดุกถูกปล่อยลงไปในแหล่งน้ำที่สมบูรณ์มีอาหารให้กิน
โจทย์
- นายบุญหนัก ต้องการปล่อยปลาดุก 1,000 กิโลกรัม คิดเป็นปลาดุกประมาณ 3,000 ตัว
- ปลาดุก 1,000 กิโลกรัม จะกินอาหารวันละ 50 กิโลกรัม (1,000*5%)
- ในอาหาร 50 กิโลกรัมนี้เป็นสัตว์ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นคิดเป็นสัตว์น้ำหนักรวม 25 กิโลกรัม หรือ 25,000 กรัม (1 กก. = 1,000 กรัม)
- ปลาดุกตัวขนาดนี้ สัตว์น้ำท้องถิ่นอย่าง ลูกปลาบู่ ลูกปลาตะโกก ลูกปลาตะเพียน ปลาซิว กุ้งฝอย และ หอยขม ที่กินได้พอดีๆคำจะตัวประมาณ 2-3 เซนติเมตรก็จะหนักไม่เกิน 5 กรัม ดังนั้นปลาดุก 3,000 ตัวที่นายบุญหนักปล่อยไปนี้ ถ้าต้องการมีชีวิตที่ดีก็ต้องกินสัตว์น้ำอื่นๆไปวันละ 5,000 ตัว(25,000/5) หรือปีละ 1,800,000 ชีวิต (5,000*360)
- อันนี้คำนวณแบบง่ายๆว่าปลาดุกไม่ได้โตขึ้นด้วยนะ ในความเป็นจริงกินไปโตไปก็จะกินเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าระบบนิเวศแถวนั้นมันเสื่อมโทรมไปแล้ว ปลาดุกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี จู่ๆถูกเอามาปล่อยให้สู้ชีวิตด้วยตัวเองหาอาหารกินไม่ได้ก็อาจจะอดตายไปอย่างทรมานก็เป็นไปได้เช่นกันครับ
สรุปด้วยสมมุติฐานดั้งเดิมว่าปลาดุกรอด การปล่อยปลาดุก 1 ตัน เราจะสูญเสียสัตว์น้ำท้องถิ่นไปประมาณ 1.8 ล้านชีวิตต่อปี ในจำนวนนี้อาจจะเป็นลูกปลาเศรษฐกิจ ที่ถ้าปล่อยให้โตไปก็จะเป็นอาหารของชาวบ้านได้อีก ในจำนวนนี้อาจจะเป็นปลาหายากที่ถ้ารอดไปก็จะสามารถไปสืบพันธุ์ต่อได้ ในจำนวนนี้มีปลาท้องถิ่นขนาดเล็กซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศอย่างปลาซิวที่จะเป็นอาหารของปลาท้องถิ่นขนาดใหญ่ต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นสัตว์น้ำที่อยู่ของเค้าดีๆก็มีใครก็ไม่รู้เอาสัตว์ผู้ล่ามาปล่อยลงไปในบ้านเค้าเต็มไปหมด คือลองนึกภาพคุณอยู่ในบ้านของคุณดีๆก็มีใครไม่รู้เอาเสือ เอาสิงโตมาปล่อยลงไปในหมู่บ้านคุณเพื่อทำบุญ โดยคุณไม่มีทางที่จะสู้เลย
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องบุญบาปสักเท่าไหร่ อ่านแล้ว คิด วิเคราะห์ แยกแยะ กันนะครับว่าควรจะปล่อยไหม สาธุ "
BUGABOONEWS
ขอบคุณข้อมูลจาก วัดตระพังทอง เมืองเก่า สุโขทัย,ขอบคุณภาพจาก วัดตระพังทอง เมืองเก่า สุโขทัย