ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

คนไทยวัยไม่ถึง 30 ติดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก


คนไทยอายุไม่เกิน 30 ปี ติด 1 ใน 50 อันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก โดยเป็นหนึ่งใน 2 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ที่ติดอันดับจากภูมิภาคเอเชีย

วันนี้ (24 มิ.ย.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพึงพอใจ และขอบคุณผลการจัดอันดับความสุขของประชากรในโลก สำหรับผู้ที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี ในรายงานความสุขโลกปี 2567 (World Happiness Report 2024: Countries where the youth might find happiness) ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ใน 50 อันดับแรก ของการจัดอันดับประเภทผู้ที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี และไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ จาก 143 ที่ได้รับการจัดอันดับใน 50 อันดับแรก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับ รายงานความสุขโลกปี 2567 ที่ได้จัดทำโดยหน่วยงาน UN ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford และบริษัท Gallup ที่อ้างอิงจากผลสำรวจ Gallup World Poll ในช่วงระหว่างปี 2564 – 2566 ผ่านปัจจัยที่ผู้เชี่ยวชาญนำมาวิเคราะห์ความสุข 6 ประการ ได้แก่ ข้อมูล GDP ต่อหัว (GDP per capita) การสนับสนุนทางสังคม (Social support) อายุคาดการณ์เฉลี่ยของคนในช่วงที่มีสุขภาพดี (Healthy life expectancy at birth) เสรีภาพในการเลือกใช้ชีวิต (Freedom to make life choices) ความเอื้ออาทร (Generosity) และการรับรู้การทุจริต (perceptions of corruption)

ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 45 ในการจัดอันดับประเภทสำหรับผู้ที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี ซึ่งนิตยสาร Travel + Leisure Asia ได้กล่าวถึงการจัดอันดับนี้ว่า ไต้หวัน และประเทศไทยทำสำเร็จในการครองตำแหน่ง 1 ใน 50 อันดับ โดยระบุว่า ไต้หวันอยู่ในอันดับที่ 25 ถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความสุขที่สุดในเอเชียสําหรับเยาวชน โดยได้ระบุถึงผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และชุมชน LGBTQIA+ ที่เฟื่องฟู ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 45 เป็นประเทศในเอเชียที่มีความสุขที่สุดเป็นอันดับสอง เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด ด้วยนโยบายวีซ่าฟรี ไม่ต้องขอวีซ่าและโปรแกรมวีซ่าที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนหนุ่มสาวให้เข้ามาสัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของไทยที่มีเสน่ห์

“นายกรัฐมนตรีคำนึงถึงความต้องการ และวิถีชีวิตของเยาวชนคนรุ่นใหม่เสมอ ด้วยความคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมกับยุคสมัย กำหนดรูปแบบการดำรงชีวิตที่เยาวชนต้องการ โดยนอกจากข่าวดีของไทยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน และที่ 3 ในเอเชีย ที่สามารถแต่งงานภายใต้ความหลากหลายได้ เห็นได้ว่าประเทศไทยยังกำหนดนโยบายที่สัมพันธ์กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างรอบด้าน จึงทำให้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผลการจากการจัดอันดับในครั้งนี้ ถือเป็นการเน้นย้ำความสำเร็จของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกระแสความต้องการของโลกอนาคต” นายชัย กล่าว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark