ผัว-เมีย โต้ไม่ได้ทำร้าย-ขืนใจเด็ก 4 ขวบ อ้างปั่นจักรยานล้มเอง
เช้านี้ที่หมอชิต - คืบหน้าแม่เด็กหญิง 4 ขวบ แจ้งความ ลูกถูกทำร้ายและถูกละเมิดโดยสองสามีภรรยาที่แม่พาเด็กไปฝากเลี้ยง ล่าสุดเมื่อวานนี้ ตำรวจเรียกสองสามีภรรยามาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากแจ้งข้อหาไปแล้ว ส่วนอาการเด็กยังทรุดหนัก
กรณีแม่เด็กหญิง 4 ขวบ นำหลักฐานการตรวจของแพทย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธชินราชตะพานหิน ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร หลังจากเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ลูกสาวมีอาการสาหัส มีบาดแผลตามร่างกาย และสมองบวม จนมีการส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เบื้องต้น ทางสองผัวเมียอ้างกับแม่ของเด็กว่า เด็กหญิงเล่นปั่นจักรยานแล้วหกล้มได้รับบาดเจ็บจนเกิดอาการชัก แต่จากหลักฐานอาการของเด็ก เลือดคั่งในสมอง สมองบวม มีแผลฟกซ้ำตามลำตัว ปอดช้ำ ใบหน้ามีรอยแผลทั้งตัว เกิดจากการถูกตีด้วยของแข็ง และถูกทำร้ายมา นอกจากนี้อวัยวะเพศของเด็กหญิงฉีกขาด ทำให้แม่ของเด็กเชื่อว่าลูกถูกทำร้าย และถูกล่วงละเมิดทางเพศ
นางสาวรัตนาพร หนึ่งในผู้ต้องหา อ้างว่า บาดแผลส่วนใหญ่เกิดจากเด็กปั่นจักรยานล้ม ส่วนแผลที่คอเกิดจากเล็บของตน ที่ดึงตัวเด็กขณะอาบน้ำ ส่วนเรื่องอวัยวะเพศที่มีรอยแผลฉีกขาด สามีตนเองยืนยันว่าไม่ทราบเรื่อง เพราะต้องไปทำงานทุกวัน และสาเหตุที่รับเลี้ยงเพราะสงสารเด็ก เนื่องจากแม่เด็กเป็นเพื่อน แต่ช่วง 3-4 เดือนที่เลี้ยง แม่เด็กโอนเงินให้เพียง 200 บาท เคยติดต่อให้ครอบครัวของเด็กนำเด็กกลับไปเลี้ยงเอง แต่ก็เงียบหายไป แต่ตนก็เลี้ยงน้องมาด้วยความรัก
ส่วนความคืบหน้าคดี เมื่อวานนี้ ตำรวจเรียกสอบผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งสองสามีภรรยาเพิ่มเติม หลังแจ้งความดำเนินคดีนางสาวรัตนาพร และนายทรัพย์สิน ไปแล้ว ทั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนายทรัพย์สิน ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี แต่ทั้ง 2 คน ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ส่วนอาการของเด็กหญิงวัย 4 ขวบ 7 เดือน ซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา อาการล่าสุดยังโคม่า ไม่รู้สึกตัว อยู่ในห้อง ICU ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
คุณแม่บอกว่า อาการของลูก ทั้งสมองช้ำบวม ร่องรอยบาดแผล และอวัยวะเพศฉีกขาด ทำให้ติดใจ แม้จะถามความจริงกับผู้ที่รับฝากเลี้ยง ก็อ้างแค่ว่าลูกปั่นจักรยานล้ม
ยอมรับว่าฝ่ายคนเลี้ยงเคยติดต่อให้ตนเอาลูกกลับไปเลี้ยงเองจริง แต่ตอนนั้นตนยังไม่พร้อม เพราะทำงานก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพฯ เงินเดือนไม่พอใช้ และเลิกกับพ่อของน้องมา 6 เดือน กระทั่งต้นเดือนมีนาคม ตนติดต่อจะเอาลูกมาเลี้ยงเอง แต่อีกฝ่ายเหมือนกลับลำ อ้างว่ากลัวตนจะเอาลูกไปทิ้ง แถมบอกว่าจะให้น้องไปสมัครเข้าโรงเรียนด้วย จึงยังไม่ได้รับลูกกลับ กระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้น
ด้านพ่อของน้อง กล่าวเช่นกันว่า อีกฝ่ายเคยติดต่อให้เอาลูกกลับมาเลี้ยงเองจริง กระทั่งเมื่อ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ตนได้ติดต่อกลับไปหาลูก คุยกันผ่านวิดีโอคอล แต่ปรากฏว่า น้องกลับจำหน้าตนไม่ได้ ไม่อยากจะมาอยู่กับตน แถมเรียกฝ่ายนั้นว่าแม่ทุกคำด้วย ตนจึงมองว่า ถ้าทางฝ่ายนั้นเลี้ยงดีกว่า และลูกของตนก็ดูจะติดเขา จึงตัดสินใจยังไม่เอาลูกกลับมาเลี้ยง แต่ยืนยันว่าจ่ายค่าเลี้ยงดูมาตลอด จนกระทั่งเกิดเรื่อง
สองสามีภรรยาเปิดเผยว่า ตอนนี้ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ ใช้เวลารอผลตรวจประมาณ 3-4 อาทิตย์ จึงจะทราบผลว่า ลูกสาวแค่รถจักรยานล้มตามที่ฝ่ายนั้นกล่าวอ้างหรือไม่ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่น ตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด