จตุพร ลั่น ทักษิณกลับบ้าน เกมเบี่ยงกระแสจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
เช้านี้ที่หมอชิต - ทักษิณ กลับบ้านจริง หรือแค่เกมเบี่ยงกระแส ความจริงเป็นอย่างไร 10 สิงหาคมนี้มีคำตอบแน่ แต่ระหว่างนี้เราไปเปิดใจอดีตคนใกล้ชิด คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ว่ากันว่ารู้จัก หรือรู้ทันทุกเหลี่ยมมุมของคุณทักษิณเป็นอย่างดี แม้วันนี้จะแยกทางกันไปแล้ว แต่ถ้าจำกันได้ ก่อนหน้านี้ฉากทัศน์ต่าง ๆ ทางการเมืองหลังเลือกตั้งที่ คุณจตุพร เคยทำนายไว้ ดูเหมือนจะแม่นยำไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะแนวโน้มของการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ดังนั้นเมื่อมีการประกาศกลับบ้านของคุณทักษิณ คุณจตุพรมีมุมมองอย่างไร
"ทั้งหมดมันคือเรื่องการเมืองทั้งสิ้น" คุณจตุพร บอก ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระแสเรื่องการตั้งรัฐบาลข้ามขั้วมีความไม่พอใจรุนแรง ดังนั้น เรื่องที่จะเรียกร้องความสนใจของประชาชนได้ ไม่มีอะไรดีกว่าการประกาศกลับบ้าน ซึ่งสิ่งที่ต่างไปในครั้งนี้จากที่เคยประกาศมาแล้วร่วม 20 ครั้งก็คือ การระบุวันเวลาอย่างชัดเจน 10 สิงหาคม ลงดอนเมือง ขณะที่ก่อนหน้าจะบอกแค่เพียงกรอบเวลากว้าง ๆ ซึ่งโดยตัวคุณทักษิณนั้น เวลาบ้านเมืองมีปัญหาอะไร ก็ประกาศกลับมาทุกครั้ง แล้วก็ไม่กลับจริง แต่จะลากสถานการณ์ไปสู่รูปแบบต่าง ๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม คุณจตุพร บอกว่า หาก คุณทักษิณ ต้องการให้การเมืองในประเทศไทยตระบัดสัตย์ แล้วตัวเองกลับมาได้ ก็กลับมา แต่มันมีประวัติศาสตร์สอนอยู่แล้ว การเดินทางกลับท่ามกลางกระแสทางการเมืองที่เชี่ยวกรากขนาดนี้ ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์การเมืองในอดีต 2 เหตุการณ์รวมกัน คือ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งจอมพลถนอม ที่ถูกนักศึกษาประชาชนขับไล่ ได้ขอบวชกลับมา นำไปสู่การต่อต้านและล้อมปราบประชาชนครั้งใหญ่ กับอีกเหตุการณ์หนึ่งที่คล้ายกรณีนี้เช่นกันก็คือ การตระบัดสัตย์ของพลเอกสุจินดา ในเหตุการณ์พฤษภา 2535 ซึ่งตนเชื่อว่า ถ้ามีการตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว คนเสื้อแดงจำนวนมากที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้ ไม่มีใครไปเห็นด้วย ทั้งหมดจะเป็นกลายเป็นปัญหาใหญ่
ทีนี้มาลองดูข้อมูลกันบ้าง เพราะถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อคุณทักษิณบอกว่าจะกลับบ้าน หลายคนอาจไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะเคยพูดเอาไว้มากถึง 18 ครั้ง ในรอบกว่า 15 ปีที่ผ่านมา
คุณทักษิณ พูดว่าจะกลับบ้านครั้งแรกในวันที่ 30 มีนาคม 2552 เป็นการกล่าวกับคนเสื้อแดง เวทีชุมนุม นปช.หน้าทำเนียบรัฐบาล ผ่านวิดีโอลิงก์มาจากต่างประเทศว่า "ถ้าเมื่อไหร่ เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพทันที"
ส่วนครั้งที่ 2 คือปี 2555 โฟนอินเข้ามาในงานพบปะสังสรรค์คนเสื้อแดงภาคอีสานที่จังหวัดสุรินทร์ ระบุว่า "ถ้าผมกลับมาบ้าน ต้องกลับมาอย่างเท่ ๆ แล้วจะบอกว่าจะกลับมาแบบไหน ถึงจะเรียกว่าเท่" ครั้งนั้นคุณทักษิณดูมั่นใจไม่น้อย ถ้าจำได้ช่วงนี้เป็นช่วงที่รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งเข้ามาอย่างท่วมท้น ก่อนที่จะถูกรัฐประหารในปี 2557 โดยคุณยิ่งลักษณ์ ถูกคดีจำนำข้าวเล่นงาน และหลบหนีออกนอกประเทศในปี 2560 นับตั้งแต่นั้นยังไม่ได้กลับประเทศไทยอีกเลยเช่นกัน
คุณทักษิณยังพูดว่า จะกลับบ้านอีกหลายครั้งหลายวาระ บอกว่าอยากมาเลี้ยงหลานบ้าง วางมือทางการเมืองแล้วบ้าง จะมาช่วยคิดแก้ปัญหาให้ประเทศบ้าง ยิ่งช่วงปี 2565 และ 2566 ซึ่งเข้าสู่บรรยากาศของการเลือกตั้ง คุณทักษิณส่งสัญญาณว่าจะกลับบ้านถี่ขึ้น ด้วยเหตุผลที่เชื่อว่าเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แต่จะกลับโดยไม่อาศัยพรรคใด รวมถึงเพื่อไทย จะไม่มีการออกกฎหมาย ไม่มีการเกี๊ยะเซียะกับพลังประชารัฐ เพื่อออกกฎหมาย
และที่เป็นที่ฮือฮามาก คือวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 คุณทักษิณได้ทวีตข้อความ ระบุว่า ได้หลานคนที่ 7 ชื่อ ธาษิณ พร้อมบอกว่าคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน จากนั้นก็ย้ำอีกครั้งในวันที่ 9 พฤษภาคมว่า จะกลับก่อนวันเกิด แต่ก็เลื่อนไป คุณอุ๊งอิ๊งให้เหตุผลว่า เพราะสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่ง
อย่างไรก็ตาม คำยืนยันล่าสุดจากคุณอุ๊งอิ๊ง ที่ว่าคุณทักษิณจะกลับไทย วันที่ 10 สิงหาคมนี้ มีการประเมินกันว่า มีโอกาสเป็นจริงมากที่สุด ท่ามกลางกระแสดีลจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว เพราะการที่ก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณมีพลังในการต่อรองมากขึ้น เนื่องจากศัตรูที่ฝ่ายความมั่นคงจับตา ได้ถูกย้ายจากเพื่อไทยกลายเป็นพรรคก้าวไกลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น พรรคการเมืองที่มีพลังมากพอในการตัดกระแสการเติบโตของก้าวไกล จึงเหลือเพียงพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
ประกอบกับคุณทักษิณเองก็มีอายุมากขึ้น หากพลาดโอกาสกลับบ้านในครั้งนี้ ก็อาจยากขึ้นอีกในอนาคต เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบกับเอกสารราชการที่ก่อนนี้หลุดออกมา ว่าเป็นกำหนดการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ซึ่งรัฐบาลเองก็ยอมรับว่าเป็นเอกสารจริงนั้น การประกาศกลับบ้านของคุณทักษิณในครั้งนี้ จึงเชื่อว่าใกล้เคียงความจริงมากที่สุดในรอบกว่า 15 ปี