ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

จตุพร ฟันธง พิธา ชวดนั่งนายกฯ พลิกขั้ว ประวิตร คว้าเก้าอี้

เช้านี้ที่หมอชิต - 13 กรกฎาคมนี้ ชื่อคุณพิธา จะถูกเสนอให้สภาโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ท่ามกลางเกมการเมืองอันร้อนแรง และกติกาที่ สว. 250 เสียง ยังคงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ นั่นจึงทำให้ปรากฏชื่ออื่นมาแข่งได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ฟันธงกับเราว่าคนนี้นอนมาของจริง

คุณสันติวิธี พรหมบุตร บรรณาธิการของเรา เดินทางไปจับเข่าคุยกับ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชนด้วยตัวเอง คุณจตุพร มองว่า 312 เสียง ที่เห็นในการเลือก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 สะท้อนว่า 8 พรรคยังผูกติดกันแน่นก็จริง แต่พอถึงเวลาโหวตเลือกเลือกนายกรัฐมนตรี คุณพิธาก็จะได้เพียงแค่นั้น หมายความว่ายังขาดอีก 64 เสียง จึงจะถึง 376 เสียง เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

บางคนมองว่าการโหวตวันนั้นยังมีตัวเลข 77 ที่งดออกเสียงเลือก คุณวิทยา แก้วภราดัย ที่แข่งกับคุณปดิพัทธ์ เชื่อว่าส่วนใหญ่มาจากพรรคภูมิใจไทย แต่ถ้าใครจินตนาการว่าจะมาโหวตสนับสนุนคุณพิธา เป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคก้าวไกลประกาศจุดยืนชัดเจน มีลุงไม่มีเรา ไม่เอากัญชาเสรี ไม่เอาทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ ดังนั้น พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะไปหาเสียงตามพรรคการเมืองที่เหลือในฝั่งตรงข้าม เพราะถ้าเอามาได้ เอามานานแล้ว เป้าหมายเดียวที่พรรคก้าวไกลพยายามมาตลอด คือ เสียงของ สว. แต่จนถึงตอนนี้เชื่อว่าไม่มีทางที่จะได้เสียง สว. ถึง 64 เสียงแน่นอน

ขั้นต่อไป คุณจตุพร บอกว่า จบการโหวตรอบหนึ่ง ถ้ายังสงสัยก็ให้โหวตอีกรอบหนึ่ง จากนั้นเป็นคิวของพรรคเพื่อไทย โหวตคุณเศรษฐา ทวีสิน ผลลัพธ์จะไม่ต่างไปจากการโหวตคุณพิธา ลากต่อไปจากจุดสิ้นสงสัย ไปจนถึงจุดหักเห ซึ่งเป็นจุดที่จะอธิบายกับประชาชนว่า 312 เสียงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จำเป็นต้องสลายขั้วเพื่อตั้งรัฐบาลให้ได้ แผนการเดิมยังอยู่ อ้างประเทศนี้ต้องมีรัฐบาล เสียสัตย์เพื่อชาติ และในฝั่งรัฐบาลเดิม 188 เสียง ต้องการเพียงแค่ 63 เพื่อได้ 251 เมื่อไปรวมเสียงโหวต สว. หวยจะมาลงที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คุณพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ และพรรคก้าวไกล จะต้องไปเป็นฝ่ายค้าน

คุณสันติวิธี บก.ของเรายังไม่สิ้นสงสัย ไปคุยต่อเนื่องกับ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ซึ่งอาจารย์มองว่า จุดที่น่าสังเกตคือ งดออกเสียง 77 เสียง ซึ่งภายหลังคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รับว่าปล่อยลูกพรรคฟรีโหวต จึงมีการประเมินคาดการณ์ว่า การงดออกเสียง 77 เสียง มาจาก สส.ภูมิใจไทย ถ้าเป็นเช่นนี้หมายความว่า พรรคภูมิใจไทยกำลังทอดไมตรีให้กับพรรคว่าที่รัฐบาล ว่าภูมิใจไทยมีความพร้อมร่วมรัฐบาล เพราะถ้าหากจะตัดไมตรี คงไปโหวตให้คุณวิทยา

ส่วน สว. 250 คน มีหลายกลุ่ม กลุ่มที่ไม่เอาคุณพิธา จะออกมาพูดบ่อย สะท้อนว่าอาจไม่มั่นใจ หรือกังวลว่า สว.จำนวนมากจะไปโหวตให้คุณพิธา ซึ่งนอกจาก สว. กลุ่มนี้ที่ออกมาพูดบ่อย ยังมี สว.อีกหลายกลุ่มที่วิเคราะห์แล้ว น่าจะมีมากถึง 70-80 คน ที่จะโหวตให้คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

ถึงตรงนี้ฝุ่นยังฟุ้ง และมีคำถามว่า เราจะมีนายกรัฐมนตรีจากสายไหนส่งมาให้สภาโหวตบ้าง เราสรุปมาให้แล้วดังนี้

สายเลือกตั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีความชอบธรรมสูง เพราะมาจากเสียงข้างมากของประชาชน สะท้อนผ่านการเลือกตั้ง รวมเสียงข้างมากสภาล่างได้ 312 เสียง และผนึกกันแน่น แต่ในเกมสภาต้องบอกว่า สถานะง่อนแง่น เพราะไม่มีเสียง สว.หนุน แถมวาระแก้ไข 112 และนิรโทษกรรม การแสดงออกทางการเมืองถูกใช้เป็นเงื่อนไขจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ทำให้รวมเสียงเพิ่มได้ยาก

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจเป็นตัวแทนสายขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง เมื่อบวกรวมกับ สว.สายลุงตู่ จะมีโอกาสสูงมาก และถึงแม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ยังใช้เกมนายกฯรักษาการ ประคองอำนาจได้ โดย พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ต้องลงจากอำนาจไปอีกระยะใหญ่ แต่แนวทางนี้ความชอบธรรมต่ำ และหมายถึงการต้องเจอแรงต้านจากมวลชนที่ลงถนนประท้วงแน่นอน

สายนี้อาจเป็นได้ทั้ง พลเอกประวิตร และแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็น คุณเศรษฐา ทวีสิน มากกว่าคุณอุ๊งอิ๊งค์ เป็นแนวทางอาศัยจังหวะส้มหล่น ไม่ว่าอย่างไร ก้าวไกลก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ หากเป็นเพื่อไทย เงื่อนไขคงเป็นการถีบก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน แต่หากเป็นพลเอกประวิตร เมื่อถึงจุดหนึ่งคล้ายแบบที่คุณจตุพรวิเคราะห์ ก็อาจจะมีงูเห่าเกิดขึ้นในเพื่อไทย ที่สามารถทำให้เกิดการพลิกข้างทางการเมืองได้ พลเอกประวิตรจะนอนมาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark