พ่อร้อง ลูกชายถูกคนเมาแข่งรถ ชนเสียชีวิต หวั่นคดีเงียบ
เช้านี้ที่หมอชิต - พ่อร้องเพจทนายความประชาชน ให้ช่วยเรื่องคดีความ ที่ลูกชายขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้ออาหาร ระหว่างทางถูกรถบิกไบก์กับรถยนต์ที่แข่งกันมาชนท้าย แล้วเหยียบซ้ำ จนเสียชีวิต ผลตรวจแอลกอฮอล์พบเกินกว่ากฎหมายกำหนด ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ กลัวเรื่องจะเงียบหาย
ในคลิปจะเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ขี่อยู่กลางถนน 1 คัน จากนั้นก็มีรถจักรยานยนต์ขี่มาด้านหลังด้วยความเร็ว ชนเข้าด้านท้ายของรถจักรยานยนต์คันหน้าเข้าอย่างจัง ทำให้รถทั้งคู่ล้มลง จากนั้นรถยนต์ที่ขับตามมาด้วยความเร็ว เหยียบร่างผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จนเสียชีวิต ส่วนคนซ้อนท้ายบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก นายเอกชัย เเมงทอง เจ้าของเพจทนายความประชาชน ว่ามีญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เข้าร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชายที่เสียชีวิต ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยัง วัดเวฬุวัน ตำบลบางพูด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พบนายประสาน น้อยราษฏร์ อายุ 54 เป็นชาวตำบลบางพูด จังหวัดปทุมธานี บิดาของนายอภิชาต น้อยราษฏร์ อายุ 27 ปี ผู้เสียชีวิต
จากการสอบถาม นายณัฐกิตติ์ สอดแจ่ม ญาติผู้เสียชีวิต เล่าว่า ช่วงประมาณตี 2 ของวันที่ 31 มีนาคม นายอภิชาตได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตลาดกับเพื่อน 2 คน เมื่อขับรถไปถึงกลางทาง ได้มีรถจักรยานยนต์และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค ขับแข่งกันมาด้วยความเร็ว ชนและร่างของนายอภิชาติ ทำให้เสียชีวิต ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันบาดเจ็บสาหัส จากนั้นญาติ ๆ ได้ไปพบคู่กรณีที่ สภ.คลองหลวง ได้ทราบว่าคู่กรณีเป็นนักศึกษา และจากการตรวจวัดแอลกอฮอลล์ ก็มีเกินกฏหมายกำหนดมาก
ด้าน นายประสาน น้อยราษฏร์ บิดาผู้เสียชีวิต กล่าวเพิ่มว่า ตนเองมีลูก 3 คน นายอภิชาติเป็นลูกคนโต และเป็นลูกผู้ชายคนเดียวที่หาเลี้ยงครอบครัวและป้าที่พิการ ด้วยการขับรถแท็กซี่ รับจ้างขับรถสิบล้อ มีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 กว่าบาท เมื่อทำงานเสร็จกว่าจะถึงบ้านก็ดึก ส่วนใหญ่ก็จะออกไปหาซื้ออะไรมาทำกับข้าวกินกับเพื่อน ๆ ญาติ ๆ เป็นประจำหลังจากเลิกงาน เหตุการณ์ครั้งนี้จึงถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตนเอง แต่คู่กรณียังไม่เคยมาพบพูดคุยกับตนเองเลย มีเพียงมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมแล้วก็กลับไป
จึงอยากฝากไปถึงผู้ปกครองของนักศึกษาคู่กรณีว่า ฝากดูบุตรหลานของตัวเองด้วย เพราะการดื่มเหล้าเมาแล้วขับรถยนต์มันก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จะมีการเยียวยาอย่างไรได้บ้าง อยากให้มาพูดคุยกันไม่ใช่หลบหน้าหลบตาอยู่อย่างนี้