ผลวิจัยชี้ มลพิษคร่าชีวิตคนทั่วโลก ปีละ 9 ล้านคน : ประเด็นเด็ดรอบโลก World in Review
ประเด็นเด็ด 7 สี - วันนี้มาพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลวิจัยฉบับล่าสุด ระบุว่า มลพิษทางอากาศและสารพิษ คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกมากถึงปีละ 9 ล้านคน ติดตามจากคุณ ณิชารีย์ พัดทอง ในประเด็นเด็ดรอบโลก
วันนี้มาพูดถึงเรื่องของมลพิษ ที่เราสูดดมกันทุกวัน อันตรายต่อชีวิตกว่าที่คิด เพราะ งานวิจัยล่าสุด ระบุว่า มลพิษทางอากาศและสารพิษ คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกมากถึงปีละกว่า 9 ล้านคน
ทีมนักวิทยาศาสตร์ เปิดเผยผลวิจัยฉบับล่าสุด ที่ได้รับการตีพิมพ์บนช่องทางออนไลน์ของ เดอะ แลนเซ็ต (The Lancet) วารสารทางการแพทย์ชื่อดัง ซึ่งบ่งชี้ว่า มลพิษทางอากาศและสารพิษที่เกิดขึ้นจากยาฆ่าแมลง พลาสติก และขยะอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้มีประชาชนทั่วโลก เสียชีวิตมากถึงปีละกว่า 9 ล้านคน นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา หรือคิดเป็น 1 ใน 6 ของยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดในแต่ละปี
ผู้เสียชีวิตจากมลพิษส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา
นี่คือภาพที่เราอ้างอิงจาก งานวิจัยของ The Lancet Planetary Health จุดที่เป็นสีแดงเข้ม คือประเทศที่พบ ผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับมลพิษเป็นจำนวนที่มาก
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา เช่นที่ ประเทศชาด (Chad) ไนเจอร์ (Niger) โซมาเลีย (Somalia) และแอฟริกาใต้ (South Africa) หรือแม้แต่จีน อินเดีย ปากีสถาน ก็เป็นสีแดงที่ค่อนข้างชัดเจนเช่นกัน
2 ใน 3 ของการเสียชีวิตเกิดจากมลพิษทางอากาศ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและท่อไอเสียรถยนต์ ส่วนมลพิษทางน้ำ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 2
ยอดผู้เสียชีวิตจากมลพิษต่าง ๆ ที่มีจำนวนมากกว่า 9 ล้านคนต่อปี มากกว่ายอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปี มีผู้เสียชีวิตราว 6.2 ล้านคน และนักวิจัยยังบอกด้วยว่า ยอดผู้เสียชีวิต จากมลพิษและสารเคมี ไม่ได้มีท่าทีจะลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น
นักวิจัย ยังได้เสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาและลดมลพิษ เพื่อลดยอดผู้เสียชีวิตลง เน้นย้ำว่าต้องมีการตรวจสอบ และวัดปริมาณมลพิษ มีระบบควบคุมจากรัฐบาลที่เข้มงวดกว่านี้ เพื่อลดการปล่อยมลพิษ จากโรงงานอุตสาหกรรม และ ท่อไอเสียรถยนต์
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำอินเดีย-ปากีสภาน ร้อนจัด
ไม่ใช่แค่เรื่องของมลพิษอย่างเดียวที่ส่งผลต่อสุขภาพ และชีวิตของประชากรโลก แต่ในตอนนี้เรากำลังเผชิญผลกระทบ กจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกัน เพราะอย่างที่อินเดีย ตอนนี้ได้เผยผลการวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้อินเดีย และปากีสถาน มีสภาพอากาศร้อนกว่าปกติ 100 เท่า
สำนักพยากรณ์อากาศของอินเดีย ได้เผยผลการศึกษาสภาพอากาศล่าสุด โดยพบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ภาวะโลกร้อน ทำให้สภาพอากาศร้อนจัดจากคลื่นความร้อนที่เข้าปกคลุมอินเดีย และปากีสถานในขณะนี้ พุ่งขึ้นสูงกว่าปกติถึง 100 เท่า โดยผลการศึกษาดังกล่าว มีขึ้นหลังหน่วยพยากรณ์อากาศคาดว่า อุณหภูมิในพื้นที่ทางตอนเหนือ ถึงตะวันตกของอินเดีย อาจพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดอีกครั้งในไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยผลการวิจัยดังกล่าว อ้างอิงจากข้อมูลที่บันทึกไว้เมื่อเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ปี 2553 ที่ทำสถิติอุณหภูมิสูงสุด เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิช่วงเดือนเมษายน และพฤษภาคม นับตั้งแต่ปี 2443
ทั้งนี้ ชาวอินเดียในกรุงนิวเดลี ของอินเดีย ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 49 องศาเซลเซียส ขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า อุณหภูมิในปากีสถานพุ่งสูงถึง 51 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิอาจพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย
จากปัญหาสิ่งแวดล้อม ไปต่อกันที่ภัยธรรมชาติกับพายุหมุนสีดำขนาดมหึมา ในจีน สร้างความแตกตื่นให้กับผู้เห็นเหตุการณ์
แตกตื่น พายุหมุนสีดำที่เหมืองเหล็กในจีน
นี่คือคลิปที่ผู้เห็นเหตุการณ์ บันทึกภาพไว้ได้ ขณะที่เกิดพายุหมุนขนาดใหญ่ ความสูงนับร้อยเมตร บริเวณเหมืองเหล็กแห่งหนึ่งใน เมือง ถังชาน มณฑลเหอเป่ย์ ของจีน
เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาของจีน ระบุว่า พายุหมุนดังกล่าว เกิดขึ้นบริเวณ ในพื้นที่ที่เป็นเขตอุตสาหกรรม จุดนี้เป็น เหมืองเหล็ก และ ลมพายุได้ดูเอาผงเหล็ก ฝุ่นสีดำบริเวณเหมืองเล็กขึ้นไป ทำให้พายุหมุน กลายเป็นสีดำ แปลกตาจากที่เคยเห็นกันทั่วๆไป
เคราะห์ดีไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต
ขอบคุณภาพจาก : Newsflare