[รีวิว] The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes -หนังจุดเริ่มต้นและความยิ่งใหญ่ของสโนว์
ถ้าให้นึกถึงเกมไล่ฆ่าและเอาตัวรอดแน่นอนเลยว่าแฟรนไชส์หนังชุดอย่าง The Hunger Games คงขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆแน่นอนและในปีนี้ตัวหนังอย่าง The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes หรือชื่อไทย ปฐมบทเกมล่าเกม ก็จะพาผู้ชมย้อนกลับไป 64 ปีก่อนถึงจุดเริ่มต้นของเกมล่าชีวิตนี้กับตัวละครนำของเรื่องอย่าง "คอริโอเลนัส สโนว์" หรือที่เรารู้จักกันในนามของ "ประธานาธิบดีสโนว์" ใน The Hunger Games: Catching Fire (2013) ที่ได้ผู้กำกับเจ้าเดิมอย่าง Francis Lawrence (ฟรานซิส ลอว์เรนซ์) ผู้กำกับจาก The Hunger Games: Mockingjay Part 1 และ The Hunger Games: Mockingjay Part 2 มารับหน้าที่กำกับในหนังภาคต้นนี้ครับ
เรื่องย่อของ The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes จะถ่ายทอดเรื่องราวช่วง 64 ปีก่อนเหตุการณ์ใน The Hunger Games สู่เกมล่าชีวิตครั้งที่ 10 ที่โลกไม่เคยเห็น ซึ่งนับเป็นเกมล่าชีวิตครั้งที่จะทำให้ผู้คนทั้งพาเน็มต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่คาดฝันไปตลอดกาล พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวของ "ประธานาธิบดีสโนว์" ในวัยหนุ่มก่อนจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ในปัจจุบัน
ต้องบอกตามตรงเลยว่าใน The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes ตัวหนังเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และสร้างแรงกระเพื่อมให้แฟรนไชส์หนังชุดนี้อย่างแท้จริงครับ ตัวหนังจะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 พาทหลักๆ ที่เรานั้นจะได้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของตัวละครอย่าง "สโนว์" ตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวัยรุ่นก่อนจะยิ่งใหญ่จนกลายเป็น "ประธานาธิบดีสโนว์" ซึ่งตัวหนังเต็มเปี่ยมคุณภาพอย่างแท้จริง และ ค่อนข้างที่จะดาร์คพอสมควรเลยครับ ซึ่งความดาร์คนี้มันแตกต่างไปจาก The Hunger Games ในภาคอื่นๆเลยมีทั้งหดหู่และความกดดันจริงๆ
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้แถบจะเหมาะกับทุกคอหนังเลยก็ว่าได้ครับ และจะฟินสุดๆกับใครที่เป็นแฟนหนังของแฟรนไชส์ชุดนี้บอกเลยว่าคุณไม่ควรพลาดจริงๆครับกับจุดเริ่มเต้นของเกมล่าชีวิตและเรื่องราวของความเป็นมาของ "คอริโอเลนัส สโนว์" ก่อนจะก้าวขึ้นเป็น"ประธานาธิบดีสโนว์" ในภาคหลัก กับ The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes ปฐมบทเกมล่าเกม
The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes ปฐมบทเกมล่าเกมจุดเริ่มต้นของเกมล่าชีวิตกับเรื่องราวของ "คอริโอเลนัส สโนว์" ที่ตัวหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ กับเนื้อหาสุดเข้มข้นตลอด 2 ชั่วโมง 38 นาที และมาพร้อมกับความดุเดือดเลือดพล่านกับกับฉากแอ็คชั่นสุดเร้าใจไป และ ปิดท้ายด้วยการตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ทอม บลายธ์ ตีบทแตกขั้นสุด ดูแล้วประทับใจ คะแนน 8.5/10