เที่ยวบึงกาฬ ชมธรรมชาติสุดอันซีน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมืองนาคา
บึงกาฬ ยังถือเป็นจังหวัดน้องใหม่มาแรง ในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งที่เที่ยวบึงกาฬสุดอันซีน อย่าง หินสามวาฬ ถ้ำนาคา และ ภูทอก ต่างก็ได้รับกระแสโด่งดังจากความสวยงาม หรือความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ ขอบอกเลยว่าทั้งสายเที่ยว และสายบุญต้องไม่พลาดทริปนี้ หรือใครกำลังเล็งจัดทริปเที่ยวบึงกาฬใน 1 - 2 วัน หรือเที่ยวจัดเต็ม 3 วัน 2 คืน ก็ลองมาดูลิสต์ที่เที่ยวอันซีนบึงกาฬ ที่ BUGABOO TRAVEL นำมาฝากวันนี้ ทั้งในโซนภูสิงห์ ภูลังกา ภูวัว และภูทอก จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกัน
ดู ที่เที่ยวอีสาน เที่ยวปีใหม่ เที่ยวต่างจังหวัด ที่อื่น ๆ คลิก
>> ตะลุยเที่ยวภูกระดึง เที่ยวช่วงไหน เตรียมอะไรบ้าง
>> 10 ที่เที่ยวเลย เชียงคาน ชมธรรมชาติ ทะเลหมอกภูอีสาน
>> สักการะ 8 พระธาตุประจำวันเกิด นครพนม เมืองรองริมแม่น้ำโขง
ป่าภูสิงห์
ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ และอำเภอศรีวิไล มีแลนด์มาร์คสำคัญอย่าง หินสามวาฬ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามโดดเด่น
อีกทั้ง ภูสิงห์ ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายจุด ได้แก่ ประตูภูสิงห์ ลานธรรมภูสิงห์ ส้างร้อยบ่อ จุดชมวิวหินช้าง กำแพงภูสิงห์ และจุดชมวิวถ้ำฤๅษี
การเดินทางไปยังที่เที่ยวจุดอื่น ๆ ในภูสิงห์ จะเป็นการให้เจ้าหน้าที่พาไปชมยังจุดต่าง ๆ โดยสามารถจอดรถได้ที่ ที่ทำการภูสิงห์ แล้วนั่งรถของเจ้าหน้าที่ขึ้นไป มีค่าบริการแบบเหมาไป-กลับ 500 บาท ถ้ามาคนเดียว หรือมาเป็นกรุ๊ปเล็ก ๆ 3 - 4 คน ก็สามารถแชร์กับกรุ๊ปอื่นได้ สำหรับบริเวณทางขึ้นภูสิงห์ จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและห้องน้ำให้บริการ
ที่อยู่ : ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ
เปิดบริการ : ทุกวัน 06.00 - 17.00 น.
โทร : 088 536 2717 และ 088 563 8852
พิกัด : Google Map
1. หินสามวาฬ • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
หินสามวาฬ ที่เที่ยวสุดอันซีนของจังหวัดบึงกาฬ ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าภูสิงห์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ที่ไม่ว่าใครเมื่อมาเที่ยวบึงกาฬ จะต้องแวะมาถ่ายรูปเช็กอินกันที่หินสามวาฬ
หินสามวาฬ เป็นหินก้อนยักษ์ 3 ก้อนที่เรียงตัวกันอยู่ริมหน้าผา อายุกว่า 75 ล้านปี ขนาดลดหลั่นกันไป มีลักษณะคล้าย วาฬพ่อแม่ลูกสามตัว ยิ่งถ้าถ่ายด้วยโดรนจากมุมสูง จะเหมือนวาฬทั้งสามตัวแหวกว่ายอยู่กลางป่า ถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ หินสามวาฬ ยังเป็นจุดท่องเที่ยวอันซีนที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แนะนำให้มาเที่ยวช่วงเช้า เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น จะได้ภาพแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ยามเช้า พร้อมหมอกจาง ๆ และวิวทิวทัศน์กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ ถ้าเลยช่วงเช้าไปแล้ว วิวบนนี้ก็ยังสวยเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะไม่เห็นหมอกแล้วเท่านั้น
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 17.00 น.
พิกัด : Google Map
2. ประตูภูสิงห์ • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
ประตูภูสิงห์ อีกหนึ่งที่เที่ยวไฮไลท์ของภูสิงห์ อยู่ห่างจากหินสามวาฬไปประมาณ 200 เมตร เป็นจุดที่มีหินใหญ่สองก้อนตั้งอยู่ริมหน้าผาหินทราย มองดูคล้ายประตูริมหน้าผา ที่บานประตูใหญ่ถูกเปิดออก มีเบื้องหน้าเป็นวิวป่าสงวนที่อุดมสมบูรณ์ มาถึงที่นี่แล้ว ก็อย่าลืมถ่ายรูปเท่ ๆ กับประตูภูสิงห์กัน บอกเลยจุดนี้โพสต์ท่าถ่ายรูปกันเพลิน ได้รูปสวยแน่นอน
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 18.30 น.
พิกัด : Google Map
3. จุดชมวิวหินช้าง • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
จุดชมวิวหินช้าง อยู่ไม่ไกลจาก ประตูภูสิงห์ เป็นหินทรายสีชมพูแดงขนาดใหญ่ มีลักษณะยื่นออกไปที่หน้าผา รูปร่างคล้ายหัวช้าง แต่ไม่สามารถขึ้นไปบนหินช้างได้ เพราะไม่มีเส้นทางให้เดินขึ้นไปได้ นักท่องเที่ยวจึงสามารถถ่ายรูปได้จากอีกจุดที่มองเห็นหินช้างเท่านั้น ถือเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตอีกหนึ่งแห่งของภูสิงห์ และเป็นจุดแวะสั้น ๆ ขากลับจากการเที่ยวหินสามวาฬ
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 18.30 น.
พิกัด : Google Map
4. ลานธรรมภูสิงห์ • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
ลานธรรมภูสิงห์ มีลักษณะเป็นลานกว้าง และเป็นที่ตั้งของหินทรายแดงขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายสิงโตที่กำลังหมอบอยู่ จึงเป็นที่มาของชื่อภูสิงห์นั่นเอง และบริเวณนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป "หลวงพ่อพระสิงห์" โดยที่นี่มักถูกใช้เป็นลานเพื่อสวดมนต์ และทำกิจกรรมทางศาสนา หากมีโอกาสได้มาภูสิงห์ แนะนำแวะมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันได้เลย
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 18.30 น.
พิกัด : Google Map
5. ส้างร้อยบ่อ • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
ส้างร้อยบ่อ เป็นหน้าผาสูงชันที่มีลักษณะพื้นผิวเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ อยู่จำนวนมาก ส้าง หมายถึง บ่อน้ำ ส้างร้อยบ่อ จึงถูกตั้งชื่อตามลักษณะของบริเวณนี้ที่มีหลุมบ่อมากมาย แต่ละบ่อมีความลึกที่แตกต่างกันออกไป และบริเวณนี้ยังเป็นจุดที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงาม
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 18.30 น.
6. กำแพงภูสิงห์ • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
กำแพงภูสิงห์ หรือ กำแพงหินภูสิงห์ มีลักษณะเป็นกำแพงหินสูงใหญ่ มีลายหินเกร็ดที่สวยงามแปลกตา อันเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำฝน ถือเป็นลวดลายที่หาชมได้ยาก
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 18.30 น.
พิกัด : Google Map
7. จุดชมวิวถ้ำฤๅษี • ป่าภูสิงห์
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
จุดชมวิวถ้ำฤๅษี อยู่ใกล้กับ หินสามวาฬ เป็นจุดชมวิวที่อยู่เหนือถ้ำฤาษี มีลักษณะเป็นลานหน้าผาหินกว้าง และยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สามารถชมวิวทิวทัศน์ของป่าสงวนที่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างเต็มอิ่ม ที่สำคัญบนนี้สามารถมองเห็นป่าภูวัว ภูทอกใหญ่ แม่น้ำโขง และฝั่งประเทศลาวได้
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 05.00 - 17.00 น.
พิกัด : Google Map
ดู ที่เที่ยวอีสาน เที่ยวปีใหม่ เที่ยวต่างจังหวัด ที่อื่น ๆ คลิก
>> 10 ที่เที่ยวนครพนม เมืองรองแดนอีสาน เดินเที่ยวริมแม่น้ำโขง
>> 14 ที่เที่ยวขอนแก่น เที่ยวอีสานม่วนคัก มาถึงแล้วต้องห้ามพลาด
>> 5 ที่เที่ยวบุรีรัมย์ อีสานใต้ เมืองเก่าแก่ อารยธรรมขอม
นอกจากที่เที่ยวในภูสิงห์แล้ว จังหวัดบึงกาฬ ยังมีที่เที่ยวอันซีนทั้งในโซนอุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอบึงโขงหลง รวมถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อำเภอเซกา และภูทอก อำเภอศรีวิไล แต่ละจุดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดบึงกาฬ อีกทั้งยังเป็นที่เที่ยวอันซีน ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำนาคา น้ำตกกินรี น้ำตกถ้ำพระ และภูทอก เป็นต้น
ถ้ำนาคา • อ.บึงโขงหลง
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
ถ้ำนาคา เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่บริเวณวัดถ้ำชัยมงคล ในเขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ มีลักษณะโดดเด่นคือ ภายในถ้ำจะพบกับหินที่มีลักษณะคล้ายงู และเกล็ดลำตัวของพญานาค ซึ่งในทางธรณีวิทยา เกิดจากการที่พื้นผิวของหิน ผ่านการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิร้อนเย็นสลับกัน จนเกิดการกัดกร่อนไปตามปรากฎการณ์ซันแคร็ก (Sun Crack)
ตามความเชื่อในท้องถิ่น และตำนานเล่าขานว่า ปู่อือลือ แต่เดิมนั้นเป็นเทพเจ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า จากนั้นก็ถูกสาปให้เป็นพญานาคเฝ้าถ้ำแห่งนี้ชั่วนิจนิรันดร์ เพราะเป็นต้นเหตุของรักไม่สมหวังระหว่างพญานาคกับมนุษย์ ทำให้เมืองที่เจริญรุ่งเรืองล่มสลายกลายเป็นบึงโขงหลง
นับเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยา และเส้นทางสายมูเตลูที่กำลังโด่งดัง ได้รับความนืยมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแสวงบุญ กราบไหว้ขอพร และยังถือเป็นที่เที่ยวอันซีนบึงกาฬ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัด
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ขึ้นชมได้ทุกฤดูกาล ยกเว้นวันที่มีฝนตกหนัก โดยในแต่ละฤดูกาล ก็จะให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 4-5 ชั่วโมง เหมาะแก่ผู้ที่มีสภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ตั้งครรภ์ และไม่มีโรคประจำตัวนะคะ
ระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปถึงถ้ำนาคาประมาณ 1,400 เมตร ทางเดินเป็นเส้นทางธรรมชาติ ประกอบด้วย บันไดเป็นช่วง ๆ สลับกับพื้นดิน และมีบางจุดจะต้องดึงเชือกเพื่อช่วยพยุงตัวทั้งตอนขึ้นและลง นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ เจดีย์หลวงปู่เสาร์ เจดีย์หลวงปู่วัง ถ้ำหลวงปู่วัง และหัวนาคาที่ 1 เป็นต้น
ทางอุทยานแห่งชาติภูลังกา จำกัดจำนวน 1,000 คนต่อวันในการขึ้นถ้ำนาคา แบ่งเป็นสำรองล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน QueQ 496 คน โดยเปิดให้จองล่วงหน้าสูงสุด 60 วัน และ Walk in จำนวน 504 คน ค่าบริการขึ้นถ้ำนาคารวมค่าประกันอุบัติเหตุคนละ 40 บาท ส่วนค่าไกด์นำทางก็แล้วแต่จะตกลงกัน
ที่อยู่ : ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 06.00 - 14.00 น. และต้องกลับลงมาภายในเวลา 18.00 น.
Facebook : ถ้ำนาคา บึงกาฬ
พิกัด : Google Map
น้ำตกกินรี • อ.บึงโขงหลง
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
น้ำตกตาดกินรี เป็นน้ำตกเล็ก ๆ 4 ชั้น ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ของอุทยานแห่งชาติภูลังกา พื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความสวยงามที่สุดในช่วงกลางฤดูฝน ไปจนถึงช่วงปลายฝนต้นหนาว และเนื่องจากเป็นน้ำตกที่มีจำนวนชั้นไม่มาก จึงทำให้สามารถเดินเที่ยวชมธรรมชาติได้ครบทุกชั้น
มีไฮไลท์อยู่ที่ หินโลมา ซึ่งจะอยู่บริเวณชั้น 3 ของน้ำตกกินรี เป็นหินก้อนใหญ่รูปร่างคล้ายหัวโลมา เรียงล้อมกันอยู่หลายก้อน ทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูอันซีน แปลกตา แต่สวยงามมาก ๆ และกลายเป็นจุดเช็กอินที่แสนน่ารักของเหล่านักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวชมน้ำตกกินรี
นอกจากนี้บริเวณชั้น 4 ของน้ำตกกินรี ยังเป็นที่ตั้งของ วัดป่ากินรี อีกด้วย เหล่าสาธุชนสามารถมากราบสักการะขอพรกันได้เลย
ที่อยู่ : หมู่ที่ 5 ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 08.00 - 18.00 น.
พิกัด : Google Map
น้ำตกถ้ำพระ • อ.เซกา
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกภูถ้ำพระ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว เป็นน้ำตกเขาหินทรายขนาดใหญ่ 3 ชั้น สวยงามแปลกตามาก ๆ โดยน้ำจากตัวน้ำตกถ้ำพระ จะไหลลงมาบนลานหินโล่งกว้างขนาดใหญ่ และไฮไลท์คือ สไลเดอร์น้ำ ที่เกิดจากธรรมชาติสรรค์สร้างอย่างแท้จริง น้ำตกถ้ำพระจึงกลายเป็นแหล่งเล่นน้ำที่เหมือนสวนน้ำขนาดใหญ่
ที่สำคัญ น้ำตกถ้ำพระ เป็นน้ำตกที่มีน้ำให้เล่นตลอดทั้งปี แต่หากมาในฤดูแล้งช่วง เดือนมีนาคม - เดือนเมษายน ก็จะมีน้ำน้อยหน่อย ยังพอเล่นได้สนุกสนาน
การเดินทางเข้าไปที่ น้ำตกถ้ำพระ จะเป็นการนั่งเรือเข้าไป เป็นเรือยนต์โดยสารขนาดใหญ่ วิ่งวนรับ-ส่งนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร หรือใช้เวลานั่งเรือประมาณ 10 นาที จะถึงทางเข้าน้ำตก จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะพบกับ น้ำตกถ้ำพระ
ที่อยู่ : บ้านถ้ำพระ ต.โสกก่าม อ.เซกา จ,บึงกาฬ
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 08.00 - 16.30 น.
Facebook : น้ำตกถ้ำพระ บึงกาฬ
พิกัด : Google Map
ภูทอก • อ.ศรีวิไล
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
เที่ยวบึงกาฬ 2567 ชมธรรมชาติสุดอันซีน
ภูทอก เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาศรีวิหาร หรือวัดภูทอก โดยคำว่า “ภูทอก” ภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ เป็นภูเขาหินทรายที่มองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วย ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย โดยภูทอกใหญ่ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ส่วนที่สามารถเข้าชมได้คือ ภูทอกน้อย เท่านั้น และจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นในวันที่ 10 -16 เมษายน ของทุกปี
จุดเด่นของ วัดภูทอก คือ สะพานไม้และบันไดเวียนขึ้นสู่ยอดภูทอก สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระ สามเณร และชาวบ้าน เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2512 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี มีความเชื่อกันว่า ด้านบนสุดของภูทอก เป็นแดนสวรรค์ที่เหล่าผู้มีจิตศรัทธาต้องมาพิชิต
นอกจากความเงียบสงบ และอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีแล้ว ภูทอก ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน โดยบันไดทางขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น ซึางจะมีจุดให้แวะพักระหว่างทางเป็นระยะ ๆ
ชั้นที่ 5 หรือชั้นกลาง ถือเป็นชั้นที่สำคัญที่สุด เพราะมีศาลาพระพุทธรูปให้สักการะ มีกุฏิที่อาศัยของพระสงฆ์ แทรกตามช่องหินที่เป็นทางเดิน และมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ บนชั้นนี้มีสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลกคือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี
ส่วนชั้นที่ 6 เป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา ซึ่งชั้นนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ตลอดทางเดินจะเป็นหน้าผายื่นออกมา ทำให้ในบางครั้งเวลาเดินต้องเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย
ขึ้นมาชั้นที่ 7 เป็นสะพานไม้เวียนรอบเขายาว 400 เมตร เกาะติดอยู่ริมหน้าผาสูงชัน อาจดูน่าหวาดเสียวสักเล็กน้อย ที่นี่มีปากทางเข้าเมืองพญานาค ซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือ รอยสีขาวที่ขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสเข้ากับหิน
ชั้นที่ 7 มีบันไดไม้พาดขึ้นไป และจะเจอทางแยกสองทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า ทางแรกเป็นทางชัน ต้องเกาะเกี่ยวกิ่งไม้และรากไม้ เดินค่อนข้างลำบาก ควรใช้อีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางอ้อม โดยเดินเวียนไปทางขวามือ แต่ก็จะมาบรรจบกันที่ด้านบนชั้น 7 หรือดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าโปร่ง มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่
ที่อยู่ : บ้านคำแคน ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
เปิดเข้าชม : ทุกวัน 08.30 - 17.00 น.
พิกัด : Google Map
ดู ที่เที่ยวอีสาน เที่ยวปีใหม่ เที่ยวต่างจังหวัด ที่อื่น ๆ คลิก
>> 10 ที่เที่ยวโคราช นครราชสีมา สักการะย่าโม ใกล้กรุงเทพฯ
>> 6 ที่เที่ยวลพบุรี เที่ยวเมืองรอง ย้อนรอยเมืองละโว้ ใกล้กรุงเทพ
>> 5 ที่เที่ยวบุรีรัมย์ อีสานใต้ เมืองเก่าแก่ อารยธรรมขอม
>> 7 ที่เที่ยวสระบุรี ชมธรรมชาติใกล้กรุง วันเดียวก็เที่ยวได้
BUGABOO LIFESTYLE